จากเหตุการณ์ แผ่นดินไหวตุรกี และซีเรีย เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2566 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บนับหลายหมื่นราย นอกจากนี้ยังมีผู้ประสบภัยที่สูญเสียทรัพย์สินและไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นจำนวนมาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงติดตามสถานการณ์แผ่นดินไหวในสาธารณรัฐตุรกีอย่างใกล้ชิด ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ส่งพระราชสาสน์แสดงความเสียพระราชหฤทัยไปยังทั้ง 2 ประเทศ พร้อมทั้งพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ในการจัดหาสิ่งของจำเป็น เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชนชาวตุรกีที่ประสบเหตุภัยพิบัติแผ่นดินไหว

ในการนี้ เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ นายจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา องคมนตรี เชิญสิ่งของพระราชทาน ได้แก่ เครื่องปั่นไฟขนาดเล็กซึ่งมีความจำเป็นในสถานการณ์ปัจจุบัน ถุงนอนกันหนาวที่กันความเย็นได้ถึงอุณหภูมิติดลบ 24 องศาเซลเซียส เต็นท์นอนขนาดใหญ่ สำหรับ 5-6 คน ผ้านวมกันหนาว อาหารแห้ง นม และน้ำดื่ม ไปมอบแก่ นางแซรัป แอร์ซอย เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐตุรกีประจำประเทศไทย ณ โรงเก็บอากาศยาน ฝูงบิน 601 กองบิน 6 กองทัพอากาศ โดยกองทัพอากาศเป็นผู้ดำเนินการจัดส่งสิ่งของพระราชทานไปยังสาธารณรัฐตุรกี


ต่อมา ในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เสด็จไปยังโรงเก็บอากาศยาน ฝูงบิน 601 กองบิน 6 กองทัพอากาศ พระราชทานพระวโรกาสให้ นางแซรัป แอร์ซอย เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐตุรกีประจำประเทศไทย เฝ้ารับพระราชทานสิ่งของ ได้แก่ เครื่องปั่นไฟฟ้าขนาดเล็ก ซึ่งมีความจำเป็นในสถานการณ์ปัจจุบัน รวมทั้งถุงนอนกันหนาวที่กันความหนาวเย็นได้ถึงอุณหภูมิติดลบ 5 องศา และอาหารแห้ง อาทิ บะหมี่สำเร็จรูป ปลากระป๋อง และขนม ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสามารถรับประทานได้ทันทีในสถานการณ์การเกิดภัยพิบัติ

โอกาสนี้ ทรงมีพระปฏิสันถารกับเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐตุรกีประจำประเทศไทย โดยทรงแสดงความเสียพระทัยพร้อมพระราชทานกำลังใจแก่ประชาชนชาวตุรกีให้ผ่านพ้นเหตุภัยพิบัติและความสูญเสียครั้งนี้ไปให้ได้ จากนั้น ทรงบรรจุสิ่งของพระราชทานร่วมกับกำลังพลจากหน่วยม้าทรงประจำพระองค์ฯ กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ฯ เพื่อนำไปช่วยเหลือและบรรเทาทุกข์แก่ประชาชนชาวตุรกี โดยกองทัพอากาศ จะเป็นผู้ดำเนินการจัดส่งสิ่งของพระราชทานไปยังสาธารณรัฐตุรกี และจะรับคนไทยในสาธารณรัฐตุรกีที่ประสงค์จะเดินทางกลับประเทศไทยมาในเที่ยวบินกลับด้วย

พระราชสาส์นแสดงความเสียพระราชหฤทัย ต่อเหตุแผ่นดินไหวในตุรกี และซีเรีย
วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2566 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ส่งข้อความพระราชสาส์นแสดงความเสียพระราชหฤทัยไปยังประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐตุรกี กรณีเกิดแผ่นดินไหวที่จังหวัดคาห์รามันมาราช สาธารณรัฐตุรกี ความว่า
“ฯพณฯ ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐตุรกี กรุงอังการา ข้าพเจ้าและพระราชินีรู้สึกเศร้าสะเทือนใจอย่างยิ่ง ที่ได้ทราบถึงเหตุการณ์แผ่นดินไหวร้ายแรงในหลายพื้นที่ทางตอนใต้ของตุรกี ความเสียหายอันเกิดจากแผ่นดินไหวขนาด 7.8 ริกเตอร์ และการสั่นสะเทือนที่ตามมาอีกนับไม่ถ้วนนั้น เป็นปรากฏการณ์ที่ยากต่อการเชื่อ จำนวนผู้เสียชีวิตในขณะนี้อาจมีถึงหนึ่งหมื่นคน และมีการคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ อีกทั้งยังมีผู้บาดเจ็บ ผู้สูญหาย หรือผู้ไร้ที่อยู่อาศัยอีกเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ โครงสร้างพื้นฐานและอาคารบ้านเรือนได้ถูกทำลายเหลือเพียงเศษอิฐเศษปูน
ความอาทรห่วงใยของเราจะยังคงอยู่กับผู้ประสบภัยและเจ้าหน้าที่กู้ภัยทั้งหลาย และประเทศไทยก็จะเข้าร่วมกับนานาประเทศในการให้ความช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ตามความเหมาะสม
ในนามของประชาชนชาวไทย ข้าพเจ้าและพระราชินีขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งมายังท่านและประชาชนชาวตุรกี ทั้งขอร่วมไว้อาลัยต่อความสูญเสียในครั้งนี้ และหวังว่าประเทศของท่านจะฟื้นฟูจากภัยพิบัตินี้ได้โดยสมบูรณ์ในเร็ววัน” (พระปรมาภิไธย) มหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว

และ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ส่งข้อความพระราชสาส์นแสดงความเสียพระราชหฤทัยไปยังประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐอาหรับซีเรีย กรณีเกิดแผ่นดินไหวที่เมืองอะเลปโป เมืองแลทาเกีย และเมืองฮะมา สาธารณรัฐอาหรับซีเรีย ความว่า
“ฯพณฯ ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐอาหรับซีเรีย กรุงดามัสกัส ข้าพเจ้าและพระราชินีรู้สึกเศร้าสลดใจอย่างยิ่ง ที่ได้ทราบว่าเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงในหลายพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรีย ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต ผู้สูญหาย และผู้บาดเจ็บจำนวนมาก ประชาชนนับไม่ถ้วนไร้ที่อยู่อาศัย ทั้งยังก่อให้เกิดความเสียหายต่อบ้านเรือน ทรัพย์สิน และโครงสร้างพื้นฐานเป็นวงกว้าง
ข้าพเจ้าและพระราชินีในนามของประชาชนชาวไทย ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งมายังท่านและประชาชนชาวซีเรีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ประสบความทุกข์และความสูญเสียจากภัยพิบัติอันร้ายแรงครั้งนี้ ทั้งหวังเป็นอย่างยิ่งว่าภัยพิบัติดังกล่าวจะสิ้นสุดในเร็ววันเพื่อนำไปสู่การฟื้นฟูที่สมบูรณ์” (พระปรมาภิไธย) มหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว