Home > Royalty > International > 5 ราชนิกุลหญิงทรงอิทธิพล แรงบันดาลใจของสตรีทั่วโลก ในโอกาส International women’s day

องค์การสหประชาชาติกำหนดให้วันที่ 8 มีนาคมของทุกปีเป็น ‘วันสตรีสากล’ (International women’s day) เพื่อสร้างความตระหนักถึงสิทธิ ความเท่าเทียม และบทบาทของสตรี โอกาสนี้ HELLO! ขอส่งท้ายสัปดาห์แห่งการเฉลิมฉลองวันสตรีสากลด้วยการรวบรวม ‘ราชนิกุลหญิงทรงอิทธิพล’ ที่แม้เป็นสตรีแต่ทรงมีบทบาทในการขับเคลื่อนและเปลี่ยนแปลงสังคมในหลายมิติ แสดงให้โลกประจักษ์ถึงพระปรีชาที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าบุรุษ และเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้คนทุกเพศทุกวัย

International women's day
สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 Credit Photo The Royal Family

สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2

พระประมุขแห่งสหราชอาณาจักรและเครือจักรภพ ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่คนทั่วโลกให้ความสนใจมากที่สุด พระองค์เสด็จขึ้นครองราชย์ในปี 1952 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกรวมถึงสหราชอาณาจักรกำลังฟื้นตัวจากสภาวะสงคราม ด้วยความที่ทรงครองสิริราชสมบัติตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ โดยในขณะนั้นทรงมีพระชนมายุเพียง 25 พรรษา ทำให้พระองค์ได้รับการสบประมาทไม่น้อย และได้รับการกล่าวขานว่าราวกับทรงเป็น ‘ราชินีในเทพนิยาย’ แต่ระยะเวลาที่ผ่านมา ทรงแสดงพระปรีชาสามารถในการแก้ไขปัญหานานัปการ

อีกทั้งทรงมุ่งมั่นปฏิบัติพระราชกรณียกิจเพื่อประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง ทรงเป็นผู้อุปถัมภ์องค์กรและมูลนิธิต่าง ๆ มากกว่า 600 แห่ง ทำให้แม้ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ราชวงศ์ต้องเผชิญกับวิกฤติที่ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง แต่ควีนเอลิซาเบธที่ 2 ยังทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่อยู่ในใจของหลายคนทั่วโลก โดยปี 2022 ทรงสร้างประวัติศาสตร์เป็นประมุขแห่งสหราชอาณาจักรพระองค์แรกที่มีการเฉลิมฉลองการครองราชย์ครบ 70 ปี และเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงราชย์นานที่สุดในโลก

International women's day
สมเด็จพระราชินีราเนียแห่งจอร์แดน Credit Photo Queen Rania Twitter

สมเด็จพระราชินีราเนียแห่งจอร์แดน

สมเด็จพระราชินีใน ‘สมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลเลาะห์ที่ 2’ ทรงสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีด้านบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยอเมริกัน กรุงไคโร ประเทศอียิปต์ ต่อมาทรงเข้าทำงานที่ธนาคารซิตีแบงก์ในแผนกการตลาด และทำงานกับบริษัทแอปเปิลในกรุงอัมมาน ประเทศจอร์แดน นับตั้งแต่ทรงเข้าพระราชพิธีอภิเษกสมรสในปี 1993 พระองค์ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวจอร์แดนในหลากหลายมิติ ทั้งด้านการศึกษา สุขภาพ การเสริมสร้างพลังชุมชน เยาวชน วัฒนธรรม และเศรษฐกิจชุมชน รวมไปถึงทรงมีบทบาทในด้านการส่งเสริมสิทธิสตรีภายในประเทศจอร์แดน

นอกจากมุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนในประเทศจอร์แดน ควีนราเนียยังทรงมีส่วนร่วมกับประเด็นในสังคมโลกมากมายไม่ว่าจะเป็นการเรียกร้องให้ประเทศที่ร่ำรวยร่วมบริจาควัคซีน โควิด-19 เพื่อโอกาสในการเข้าถึงวัคซีนอย่างเท่าเทียม ซึ่งจะเป็นการนำชัยชนะในการต่อสู้กับโรคโควิดมาสู่มนุษยชาติ และทรงเป็นคณะกรรมการรางวัล Earthshot Prize ซึ่งเจ้าชายวิลเลี่ยม ดยุคแห่งเคมบริดจ์ ทรงมีพระดำริให้จัดตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม ประกอบด้วยบุคคลผู้ทรงอิทธิพลจากหลากหลายภาคส่วน ไม่เพียงเท่านี้สมเด็จพระราชินีแห่งจอร์แดนยังทรงเป็นแบบอย่างของสตรียุคใหม่ที่เพียบพร้อมด้วยพระสิริโฉมและพระปรีชา โดยพระองค์ได้รับการถวายราชสดุดีและรางวัลมากมาย และยังทรงนำโซเชียลมีเดียต่าง ๆ มาใช้ให้เกิดประโยชน์ในการสื่อสารกับประชาชนด้วยพระองค์เองอีกด้วย

International women's day
คามิลล่า ดัชเชสแห่งคอร์นวอลล์ Credit Photo ClarenceHouse Twitter

คามิลล่า ดัชเชสแห่งคอร์นวอลล์

นับตั้งแต่สำนักพระราชวังคลาเรนซ์เฮาส์ออกแถลงการณ์ว่า ‘เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์แห่งเวลส์’ จะทรงเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับหญิงหม้ายที่มีลูกติดถึง 2 คนอย่าง ‘คามิลล่า ปาร์กเกอร์ โบลส์’ ในปี 2005 ชีวิตของดัชเชสคามิลล่าก็ได้รับการจับตามองจากชาวสหราชอาณาจักรและผู้ที่ติดตามข่าวสารราชวงศ์ทั่วโลกอยู่เสมอ แต่เนื่องจากสำนักพระราชวังมีการประกาศว่าหลังจากอภิเษกสมรสแล้ว คามิลล่าจะดำรงพระอิสริยยศเป็น ดัชเชสแห่งคอร์นวอลล์ และหลังจากเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์เสด็จขึ้นครองราชย์ พระองค์จะทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นเพียงพระชายาเท่านั้น ทำให้ที่ผ่านมาแม้ว่าดัชเชสคามิลล่าจะทรงงานและปฏิบัติกรณียกิจต่าง ๆ อยู่เสมอ แต่ไม่ได้มีน้ำหนักในใจต่อประชาชนมากนัก

ทว่าเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงมีข้อความพระราชดำรัสใจความตอนหนึ่งระบุว่า “เมื่อถึงเวลาอันเหมาะสมที่โอรสของข้าพเจ้า ‘ชาร์ลส์’ จะขึ้นเป็นกษัตริย์ ข้าพเจ้ารู้ว่าทุกคนจะให้การสนับสนุนพระองค์และพระชายา ‘คามิลล่า’ เฉกเช่นเดียวกับที่ทุกคนมีให้ข้าพเจ้ามาตลอด และข้าพเจ้าปรารถนาอย่างใจจริงว่าเมื่อถึงเวลานั้น คามิลล่าจะได้รับการยอมรับในฐานะ ‘สมเด็จพระราชินี’ (Queen Consort)” ทำให้ดัชเชสแห่งคอร์นวอลล์กลับมาได้รับความสนใจจากทั้งชาวสหราชอาณาจักรและคนทั่วโลกอย่างมาก ในฐานะทรงเป็น ‘ว่าที่สมเด็จพระราชินีแห่งสหราชอาณาจักร’

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาดัชเชสแห่งคอร์นวอลล์ทรงปฏิบัติพระภารกิจต่าง ๆ เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนพระราชภารกิจพระสวามี หรือพระกรณียกิจส่วนพระองค์ซึ่งปัจจุบันทรงเป็นองค์อุปถัมภ์องค์กรการกุศลต่าง ๆ มากกว่า 100 แห่ง ที่มีส่วนในขับเคลื่อนสังคมหลายประการ ได้แก่ สุขภาพ การศึกษา การสร้างโอกาสให้แก่ผู้ที่ขาดแคลน ผู้สูงอายุ ความรุนแรงทางเพศและความรุนแรงในครอบครัว การส่งเสริมศักยภาพสตรี และศิลปะ เป็นต้น

International women's day
มกุฎราชกุมารีแมรี่แห่งเดนมาร์ก Credit Scanpix via Det danske kongehus Facebook

มกุฎราชกุมารีแมรี่แห่งเดนมาร์ก

จากหญิงสามัญชนนักการตลาดชาวออสเตรเลีย เจ้าหญิงแมรี่ทรงปรับพระองค์สู่การเป็นมกุฎราชกุมารีแห่งเดนมาร์กได้อย่างเต็มภาคภูมิ หลังจากอภิเษกสมรสกับ ‘มกุฎราชกุมารเฟรเดอริก’ เจ้าหญิงแมรี่ทรงทุ่มเทพระราชหฤทัยและพระวรกายในการปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการ เพื่อส่งเสริมให้ชาวเดนมาร์กรวมถึงคนทั่วโลกมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ผ่านการเป็นองค์อุปถัมภ์องค์กรการกุศลมากกว่า 30 แห่ง รวมถึงกองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติ, สำนักงานภูมิภาคยุโรปขององค์การอนามัยโลก และสภาผู้ลี้ภัยแห่งเดนมาร์ก เป็นต้น

นอกจากนี้ยังทรงมีพระราชดำริให้ก่อตั้ง ‘มูลนิธิแมรี่’ (Mary Foundation) ในปี 2007 โดยเงินทุนในการก่อตั้งมูลนิธิจำนวน 1.1 โครนเดนมาร์ก (ประมาณ 5.4 ล้านบาท) เป็นพระราชทรัพย์ที่เจ้าชายเฟรเดอริกและเจ้าหญิงแมรี่ทรงได้รับการทูลเกล้าฯ ถวายเนื่องในโอกาสอภิเษกสมรสในปี 2004 ซึ่งในปี 2014 มกุฎราชกุมารีแมรี่ทรงได้รับการทูลเกล้าฯ ถวายรางวัล Bambi Awards ของประเทศเยอรมันจากการดำเนินงานของมูลนิธิดังกล่าว และในเดือนตุลาคม 2019 มีการประกาศว่าทรงรับเป็นองค์อุปถัมภ์จัดงาน ‘WorldPride Copenhagen 2021’ ทำให้ทรงเป็น ‘ราชนิกุลพระองค์แรก’ ที่ทำหน้าที่เป็นองค์อุปถัมภ์งานสำคัญของ LGBT

ในปี 2019 สมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธอที่ 2 ทรงแต่งตั้งเจ้าหญิงแมรี่เป็น ‘ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์’ ปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนในยามสมเด็จพระราชินีนาถหรือมกุฎราชกุมารเสด็จฯ เยือนต่างประเทศ นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์เดนมาร์กที่มีการแต่งตั้งผู้ที่ไม่ได้มีชาติกำเนิดเป็นเชื้อพระวงศ์ขึ้นมาเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ และในปี 2022 ในโอกาสมกุฎราชกุมารีแมรี่ทรงมีพระชนมายุครบ 50 พรรษา หน่วยงานและองค์กรต่าง ๆ ในเดนมาร์ก ได้ตั้งชื่อสถานที่ต่าง ๆ ตามพระนามของเจ้าหญิงแมรี่เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติ อาทิ ศูนย์การเรียนรู้มกุฎราชกุมารีแมรี่ มหาวิทยาลัยโคเปนเฮเก้น, โรงพยาบาลแมรี่ เอลิซาเบธ (Mary Elizabeth’s Hospital), สวนแมรี่ ออสเตรเลี่ยน การเด้น (Mary’s Australian Garden) ของสวนสัตว์โคเปนเฮเก้น เป็นต้น

แคเธอรีน ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ Credit Photo Kensington Royal Twitter

แคเธอรีน ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์

ปิดท้ายที่ ‘แคเธอรีน ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์’ พระชายา ‘เจ้าชายวิลเลี่ยม ดยุคแห่งเคมบริดจ์’ ทรงได้รับความสนพระทัยอย่างมากจากสาธารณชนทั่วโลกตั้งแต่ยังทรงเป็นพระคู่หมั้นของเจ้าชายวิลเลี่ยม โดยพิธีอภิเษกสมรสระหว่างเจ้าชายวิลเลี่ยมและดัชเชสเคตในปี 2011 มีผู้ติดตามชมการถ่ายทอดสดมากถึงเกือบหนึ่งพันล้านคน และส่งผลให้ในปีนั้นพระมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์แอบบีย์ที่ถูกใช้เป็นสถานที่จัดพิธีมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมมากถึง 1.9 ล้านคน ดัชเชสเคตทรงมีภาพลักษณ์ของการเป็นราชนิกุลยุคใหม่ที่มีอิทธิพลให้กับผู้หญิงทั่วโลกไม่ว่าจะเป็นความสนพระทัยด้านต่าง ๆ แฟชั่นฉลองพระองค์ ตลอดจนการเลี้ยงดูพระโอรสและพระธิดา จนมีการเรียกขานปรากฏการณ์เหล่านี้ว่า ‘เคต เอฟเฟ็กต์’ (Kate Effect) และทรงได้รับการจัดอันดับให้อยู่ใน 100 ผู้ทรงอิทธิพลของโลก จากนิตยสารไทม์ (Time) ถึง 3 ปีซ้อน (2011, 2012 และ 2013)

ปัจจุบันนอกจากทรงคอยสนับสนุนพระราชภารกิจต่าง ๆ ของควีนเอลิซาเบธที่ 2 ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ยังทรงเป็นองค์อุปถัมภ์ให้กับองค์กรการกุศลและทหารมากกว่า 20 แห่ง โดยพระกรณียกิจส่วนใหญ่เน้นไปที่การแก้ปัญหา ส่งเสริม และสนับสนุนเด็ก เยาวชน สุขภาพจิต การติดยา กีฬา และศิลปะ ทรงร่วมกับเจ้าชายวิลเลี่ยมและเจ้าชายแฮร์รี่ก่อตั้ง ‘มูลนิธิหลวง’ (The Royal Foundation) ซึ่งปัจจุบันใช้ชื่อ ‘มูลนิธิหลวงในดยุคและดัชเชสแห่งเคมบริดจ์’ (The Royal Foundation of The Duke and Duchess of Cambridge) เพื่อสนับสนุนการทรงงานในโครงการต่าง ๆ

แม้ว่าจะมีพระภารกิจมากมาย แต่ดัชเชสยังทรงให้ความสำคัญกับครอบครัวทั้งการเป็นพระชายาและพระมารดาของ เจ้าชายจอร์จ, เจ้าหญิงชาร์ล็อตต์ และ เจ้าชายหลุยส์ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากดัชเชสเคตให้เติบโตและเรียนรู้ผ่านการทำกิจกรรมต่าง ๆ เฉกเช่นเดียวกับที่ทรงสนับสนุนเด็กและเยาวชนในสหราชอาณาจักร และความน่ารักสมวัยของพระโอรสและพระธิดาทั้ง 3 พระองค์ เป็นสิ่งที่สะท้อนถึงความใส่พระทัยในการเลี้ยงดูพระโอรสและพระธิดาได้เป็นอย่างดี.

Never miss an update

Subscribe to our newsletter to get the latest updates.

No Thanks
You’re all set

Thank you for your subscription.