ประมวลภาพ พระราชพิธีบรมราชาภิเษก สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 และ สมเด็จพระราชินีคามิลล่า เมื่อวันเสารที่ 6 พฤษภาคม 2023 ที่กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร พระราชพิธีบรมราชาภิเษกในรอบ 70 ปี นับจากพระราชพิธีบรมราชาภิเษก สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ใน ค.ศ. 1953 ในการนี้ มีพระประมุข และพระบรมวงศานุวงศ์ จากนานาประเทศ เสด็จพระราชดำเนิน และเสด็จไปทรงร่วมพิธี ณ มหาเวสต์มินสเตอร์ พร้อมด้วยประมุข ผู้นำประเทศ ตัวแทนผู้นำประเทศ และแขกผู้มีเกียรติร่วมพระราชพิธีราว 2,300 คน

เสด็จฯ ยังพระราชวังบักกิงแฮม โดยรถยนต์พระที่นั่ง
เวลา 09.10 น. ตามเวลาลอนดอน สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 และ สมเด็จพระราชินีคามิลล่า เสด็จฯ โดยรถยนต์พระที่นั่งยี่ห้อเบนท์ลีย์ จากพระตำหนักคลาเรนซ์ เฮาส์ ไปยังพระราชวังบักกิงแฮม ซึ่งในปี ค.ศ. 2002 เบนท์ลีย์ได้ผลิตรถยนต์เพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ในโอกาสทรงครองราชย์ครบ 50 ปี จำนวน 2 คัน โดยโครงสร้างตัวถังและกระจกเป็นแบบหุ้มเกราะ ในขณะที่ห้องโดยสารถูกออกแบบให้สามารถปิดสนิทเมื่อถูกโจมตีจากแก๊ส และยังทนทานต่อการระเบิด สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงใช้รถพระที่นั่ง จวบจนเสด็จสวรรคตในเดือนกันยายน ค.ศ. 2022 โดยเจ้าหญิงแอนน์ ได้เสด็จพระราชดำเนินโดยรถเบนท์ลีย์ ติดตามหีบพระบรมศพสมเด็จพระบรมราชชนนีจากสก็อตแลนด์ไปยังลอนดอน

ประทับราชรถพัชราภิเษกยังมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์
เวลา 10.20 น. สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 และ สมเด็จพระราชินีคามิลล่า เสด็จฯ โดยราชรถพัชราภิเษก (Diamond Jubilee Coach) จากพระราชวังบักกิงแฮม ไปยังมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ โดยขบวนซึ่งประกอบไปด้วยกำลังพลราว 200 นาย เคลื่อนไปตามถนนเดอะ มอลล์ ผ่านซุ้มประตู Admiralty Arch สู่ทิศใต้ไปยังจัตุรัสทราฟัลการ์ และเคลื่อนผ่านพระราชวังไวต์ฮอลล์ ก่อนเข้าสู่ถนน Parliament Street และมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ เป็นระยะทางกว่า 2 กิโลเมตร ถึงที่หมายเวลาประมาณ 10.48 น.
ในการนี้ สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ฉลองพระองค์ครุยแห่งรัฐ (Robe of State) ฉลองพระองค์ครุยพระบรมราชาภิเษกสีแดงเข้ม (Crimson Coronation Tunic) ที่ถูกคลุมทับด้วยพระภูษาไหมสีครีม กับพระสนับเพลาเครื่องแบบทหารเรือ ส่วนสมเด็จพระราชินีคามิลล่าฉลองพระองค์เดรสโค้ท ที่มีดีเทลปักลายบริเวณปลายฉลองพระองค์

เสด็จเข้าสู่โถงพระราชพิธี
เวลา 10.53 น. สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 และ สมเด็จพระราชินีคามิลล่า เสด็จเข้าสู่โถงมหาเวสต์มินสเตอร์ โดยมี เจ้าชายจอร์จ ซึ่งฉลองพระองค์เครื่องแบบทหารร่วมทำหน้าที่ Pages of Honour ถวายการดูแลฉลองพระองค์ครุยของสมเด็จพระอัยยกา ตามด้วย เจ้าชายวิลเลี่ยม และแคเธอรีน เจ้าชายและเจ้าหญิงแห่งเวลส์ พร้อมด้วย เจ้าหญิงชาร์ล็อตต์ และ เจ้าชายหลุยส์ พระธิดาและพระโอรสที่เดิงจูงพระหัตถ์กันเข้าบริเวณพระราชพิธ จนเกิดเป็นภาพสุดน่ารักที่สร้างความประทับใจให้แก่ผู้ที่ติดตามชมพระราชพิธีทั่วโลก


พระราชพิธีบรมราชาภิเษก สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3
เวลา 11.00 น. เมื่อสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 และสมเด็จพระราชินีคามิลล่า ประทับพระราชอาสน์ ‘จัสติน เวลบีย์’ อาร์ชบิชอปแห่งแคนเทอร์เบอรี่ ประกาศเริ่มพระราชพิธีบรมราชาภิเษก สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ประทับยืนบริเวณพระแท่นบูชา (High Altar) เพื่อเข้าสู่พิธี “รับรองสถานะการเป็นกษัตริย์”
จากนั้น ทรงรับการถวายคำภีร์ไบเบิล เพื่อตรัส ”ปฏิญาณ” ว่าจะทรงครองราชย์ภายใต้กฏหมายและคริสตจักรแห่งอังกฤษ ตามด้วยขั้นตอนการ ”เจิมน้ำมันศักดิ์สิทธิ์” ขั้นตอนอันศักดิ์สิทธิ์ ที่อาร์ชบิชอปแห่งแคนเทอร์เบอรีได้ถวายการเจิมน้ำมัน (Chrism oil) ซึ่งผ่านการทำพิธีในโบสถ์พระคูหาศักดิ์สิทธิ์ กรุงเยรูซาเล็ม (The Church of the Holy Sepulchre in Jerusalem) เป็นโบสถ์เก่าแก่ที่สุดอายุรวมกว่า 1,700 ปี และเชื่อว่าเป็นสถานที่ฝังพระศพพระเยซู
น้ำมันถูกบรรจุอยู่ในเครื่องราชกกุธภัณฑ์ แอมพูลลารูปนกอินทรี ก่อนเทลงช้อนทองคำ เครื่องราชกกุธภัณฑ์ที่เก่าแก่ที่สุด ขั้นตอนดังกล่าวไม่มีการเผยแพร่ให้สาธารณชนและผู้ร่วมพิธีได้เห็น สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงถอดฉลองพระองค์ครุยแห่งรัฐ และประทับบนพระราชอาสน์บรมราชาภิเษก (Coronation Chair) หรือ พระราชอาสน์เซนต์เอ็ดเวิร์ด ถูกเชื่อว่าเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่เก่าแก่ที่สุดในอังกฤษที่ยังคงสภาพเดิมไว้จนถึงปัจจุบัน จากนั้นเจ้าหน้าที่ติดตั้งพระวิสูตร ที่ถูกจัดทำขึ้นเพื่อใช้ในพระราชพิธีครั้งนี้โดยเฉพาะเพื่อบังพิธีดังกล่าว
ต่อมาเป็นพิธี ”ครองสิริราชสมบัติ” (The investiture) สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ฉลองพระองค์ครุยทอง หรือ Supertunica ที่มีอายุมากกว่า 112 ปี แล้วประทับพระราชอาสน์บรมราชาภิเษกอีกครั้ง เพื่อทรงรับการถวาย เครื่องราชกกุธภัณฑ์ ต่าง ๆ อันประกอบด้วย พระแสงดาบ (Jewelled Sword), พระคฑาแห่งกษัตริย์ , ข้อพระกร, พระภูษาคลุมแห่งกษัตริย์ (The Robe Royal), ลูกโลกแห่งกษัตริย์, พระธำมรงค์ และถุงพระหัตถ์

และแล้ววินาทีแห่งประวัติศาสตร์ก็มาถึง เมื่ออาร์ชบิชอปแห่งแคนเทอร์เบอรี สวมพระมงกุฎเซนต์เอ็ดเวิร์ด บนพระเศียรสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงเป็นกษัตริย์พระองค์ใหม่แห่งสหราชอาณาจักรโดยสมบูรณ์ และเป็นกษัตริย์พระองค์ที่ 7 ของราชวงศ์อังกฤษที่ได้ทรงพระมงกุฎนี้ จากนั้นอาร์ชบิชอปแห่งแคนเทอร์เบอรีคุกเข่าหน้าพระพักตร์พร้อมถวายสัตย์ปฏิญาณ ตามด้วยเจ้าชายวิลเลี่ยมซึ่งทรงตรัสถวายสัตย์ปฏิญาณว่าจะจงรักภักดี ในฐานะเจ้าชายแห่งเวลส์ ผู้เป็นรัชทายาทโดยสายโลหิต เมื่อตรัสจบทรงก้มจูบสมเด็จพระบรมชนกที่ข้างพระพักตร์ นับเป็นอีกหนึ่งภาพที่สร้างความปลื้มปีติอย่างยิ่งในพระราชพิธีในครั้งนี้
จากนั้น เป็น “พิธีบรมราชาภิเษก สมเด็จพระราชินีคามิลล่า” โดยมีการถวายเครื่องราชกกุธภัณฑ์ ประกอบด้วย พระธำมรงค์, พระมงกุฎควีนแมรี, พระคฑาแห่งความเท่าเทียมและเมตตา ตามด้วยการประทับราชบัลลังก์ และทรงรับการถวายความเคารพ
จากนั้นสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 และสมเด็จพระราชินีคามิลล่า ทรงถอดพระมงกุฎเพื่อประกอบ “พิธีศีลมหาสนิท” (Holy Communion) แล้วเสด็จฯ ไปยังโบสถ์เซนต์เอ็ดเวิร์ด สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 และสมเด็จพระราชินี ทรงเปลี่ยนเป็นฉลองพระองค์ครุยแห่งรัฐ สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงพระมงกุฎอิมพีเรียลสเตต ก่อนเสด็จออกจากมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ พร้อมพระคฑา และลูกโลกแห่งกษัตริย์ แล้วประทับในราชรถทองคำ (Gold State Coach)

เจ้าหญิงแอนน์ทรงนำขบวนราชรถทองคำ
สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 และ สมเด็จพระราชินีคามิลล่า เสด็จฯ โดยราชรถทองคำไปยังพระราชวังบักกิงแฮม โดยผู้ที่สามารถประทับราชรถทองคำได้ มีเพียงกษัตริย์และคู่ชีวิตเท่านั้น ราชรถทองคำถูกใช้ในงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกมาทุกรัชสมัยตลอด 260 ปี นับตั้งแต่ ค.ศ. 1831 ในสมัยพระเจ้าวิลเลี่ยมที่ 4 ครั้งนี้ราชรถซึ่งมีน้ำหนักกว่า 4 ตัน ถูกเคลื่อนโดนม้าพันธุ์วินด์เซอร์ เกรย์ จำนวน 8 ตัว


ขบวนพาเหรดครั้งนี้มีขนาดใหญ่กว่าช่วงเช้า และมีพระบรมวงศานุวงศ์เสด็จร่วมในขบวนด้วย ไล่เรียงตั้งแต่ เจ้าชายและเจ้าหญิงแห่งเวลส์ พร้อมด้วยพระโอรสและพระธิดาทั้ง 3 พระองค์ ประทับรถม้าพระที่นั่งสีดำ-ทอง เคลื่อนโดยม้า 4 ตัว, ตามด้วยเจ้าชายเอ็ดเวิร์ด และโซฟี ดยุคและดัชเชสแห่งเอดินบะระ กับเลดี้หลุยส์ และเจมส์ เอิร์ลแห่งเวสเซ็กส์ พระโอรสและพระธิดา ประทับรถม้าพระที่นั่งแบบเดียวกัน

ขณะที่ เจ้าหญิงแอนน์ ทรงปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้บัญชาการทหารมหาดเล็ก ทรงม้าตามเสด็จสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 และสมเด็จพระราชินีคามิลล่า พร้อมด้วยกำลังพลจำนวนกว่า 600 นาย เคลื่อนขบวนตามถนนในกรุงลอนดอน โดยมีประชาชนจำนวนมากเฝ้าฯ รับเสด็จ พร้อมส่งเสียง “God Save the King” และ “hip hip hooray” ตลอดเส้นทาง

เสด็จออกพระราชวังบักกิงแฮม
เมื่อเสด็จฯ ถึงพระราชวังบักกิงแฮม สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 และสมเด็จพระราชินีคามิลล่า เสด็จออกระเบียงมุข เมื่อเวลา 14.25 น. พร้อมด้วย พระบรมวงศานุวงศ์ที่ทรงงานในฐานะสมาชิกราชวงศ์ เพื่อทอดพระเนตรการแสดงบินผาดแผลงเฉลิมพระเกียรติจากเหล่าทัพ โดยมีประชาชนเฝ้าฯ รับเสด็จเนืองแน่นท่ามกลางสายฝนโปรยปราย ทั้งนี้ การแสดงบินผาดแผลงถูกลดขนาดลงเนื่องด้วยสภาพอากาศ เหลือแค่การแสดงโดยหน่วยเฮลิคอปเตอร์ และฝูงบิน Red Arrows เท่านั้น

เจ้าชายแฮร์รี่ และพระบรมวงศานุวงศ์อังกฤษ เสด็จร่วมพระราชพิธี
เวลาราว 10.40 น. เจ้าชายแฮร์รี่ และพระบรมวงศานุวงศ์ อาทิ เจ้าหญิงเบียทริซ, เจ้าหญิงยูจินี, ซาร่า และไมค์ ทินดัลล์ เสด็จยังพระมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ ตามด้วย เจ้าชายเอ็ดเวิร์ด และ โซฟี ดยุคและดัชเชสแห่งเอดินบะระ พร้อมด้วยพระโอรส และพระธิดา รวมทั้ง เจ้าหญิงแอนน์ และ เซอร์ทิโมธี ลอเรนซ์


พระประมุข และพระบรมวงศานุวงศ์ จากนานาประเทศ เสด็จฯ ร่วมพระราชพิธี
เวลา 09.30 น. พระประมุข และพระบรมวงศานุวงศ์ จากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก เสด็จพระราชดำเนิน และเสด็จยังมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ เพื่อร่วมพระราชพิธีบรมราชาภิเษก อาทิ สมเด็จพระราชธิบดีเฟลิเป้ที่ 6 และ สมเด็จพระราชินีเลติเซีย แห่งสเปน, สมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลเลาะห์ที่ 2 อิบน์อัลฮุสเซน แห่งจอร์แดน และ สมเด็จพระราชินีราเนีย, สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี ซิงเย วังชุก แห่งภูฏาน พร้อมด้วย สมเด็จพระราชินีเจตซุน เพมา วังชุก, สมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ พระบรมราชินี เป็นต้น


แขกผู้มีเกียรติในพระราชพิธี
เวลา 08.00 น. แขกผู้เกียรติในพระราชพิธีเริ่มทยอยเดินทางมาถึงมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ อาทิ เดมเอ็มม่า ธอมป์สัน, เลดี้ซูซาน ฮัสซีย์, ลิโอเนล ริชชี่, เจย์ เบลดส์, เคที เพอร์รี่ และเอ็ดเวิร์ด เอ็นนินฟูล และเดม โจอันน่า ลัมลีย์ โดยตามกำหนดการผู้ร่วมพิธีจะต้องเดินทางเข้าสู่พิธีภายในเวลา 09.00 น.


Courtesy Photo of Getty