หลังจากถูกเลื่อนมากว่า 3 ปี ในวันนี้ (26 ตุลาคม 2564) ‘เจ้าหญิงมาโกะแห่งอะกิชิโนะ’ พระธิดาพระองค์โตใน ‘เจ้าชายฟุมิฮิโตะและเจ้าหญิงคิโกะ’ มกุฎราชกุมารและมกุฎราชกุมารีแห่งญี่ปุ่น พระราชนัดดาใน ‘สมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะและสมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะ’ ทรงจดทะเบียนสมรสกับ ‘เคอิ โคมุโระ’ และสิ้นสุดการเป็นสมาชิกราชวงศ์อย่างเป็นทางการ HELLO! ได้ย้อนไทม์ไลน์ความรักของทั้งคู่มาแฟน ๆ ติดตามกัน

ปี พ.ศ. 2555 – เจ้าหญิงมาโกะทรงรู้จักกับเคอิ โคมุโระ ในฐานะนักศึกษาร่วมรุ่นที่อินเตอร์เนชั่นแนล คริสเตียน ยูนิเวอร์ซิตี้ กรุงโตเกียว เจ้าหญิงมาโกะทรงศึกษาด้านมรดกทางศิลปะและวัฒนธรรม และทรงได้รับประกาศนียบัตรด้านภัณฑรักษ์ระดับประเทศ
กันยายนปี พ.ศ. 2560 – สำนักพระราชวังอิมพีเรียลประกาศว่าเจ้าหญิงมาโกะทรงหมั้นกับนายโคมุโระ ซึ่งต่อมาเจ้าหญิงทรงแถลงข่าวร่วมกับพระคู่หมั้นพร้อมเผยว่าจะทรงเข้าพิธีเสกสมรสในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2561 โดยรอยแย้มพระโอษฐ์ของเจ้าหญิงมาโกะและรอยยิ้มของนายโคมุโระที่มีให้กันและกัน ได้สร้างความประทับใจให้แก่สาธารณชนเป็นอย่างยิ่ง
ธันวาคม พ.ศ. 2560 – นิตยสารรายสัปดาห์แห่งหนึ่งรายงานข้อพิพาทเรื่องเงินระหว่างมารดาของโคมุโระกับอดีตคู่หมั้น โดยมีการอ้างว่ามารดาโคมุโระและโคมุโระไม่สามารถชำระหนี้ประมาณ 35,000 ดอลลาร์ ซึ่งภายหลังโคมุโระเผยว่าเงินดังกล่าวเป็นเงินของขวัญไม่ใช่เงินจากการกู้ยืม

กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 – พิธีเสกสมรสถูกเลื่อน โดยมีคำอธิบายอย่างเป็นทางการว่าทั้งคู่ต้องการเวลามากขึ้นในการจัดพิธีและเตรียมพร้อมสำหรับชีวิตแต่งงาน
สิงหาคม พ.ศ. 2561 – โคมุโระเดินทางไปสหรัฐอเมริกาเพื่อศึกษาต่อที่โรงเรียนกฎหมายของมหาวิทยาลัยฟอร์ดแฮม และไม่ได้กลับประเทศญี่ปุ่นเลยจนถึงเดือนกันยายน พ.ศ. 2564
พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 – เจ้าชายฟุมิฮิโตะ พระบิดาของเจ้าหญิงมาโกะ มีรับสั่งว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะมีการจัดพิธีเสกสมรสและกิจกรรมอื่น ๆ จนกว่าข้อพิพาททางการเงินจะคลี่คลายและคนญี่ปุ่นสามารถเฉลิมฉลองพิธีเสกสมรสได้ พร้อมทรงเผยว่า ช่วงเวลาดังกล่าวพระองค์ไม่ค่อยได้คุยกับพระธิดา จึงไม่รู้ว่าเธอรู้สึกอย่างไร
พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 – เจ้าหญิงมาโกะมีพระดำรัสผ่านแถลงการณ์ว่าพระองค์และโคมุโระเชื่อว่าการแต่งงานเป็น ‘ทางเลือกที่จำเป็น’ ขณะที่ปลายเดือนเดียวกันเจ้าชายฟุมิฮิโตะมีรับสั่งว่าทรงอนุมัติการจัดพิธีเสกสมรส แต่ย้ำว่าข้อพิพาททางการเงินจะต้องได้รับการแก้ไขเสียก่อน

เมษายน พ.ศ. 2564 – โคมุโระออกแถลงการณ์กว่า 24 หน้าซึ่งให้สัญญาว่าจะ “แก้ไขข้อมูลที่ผิดพลาดให้มากที่สุด” และกล่าวว่าจะจ่ายค่าชดเชยให้กับอดีตคู่หมั้นของมารดา
พฤษภาคม พ.ศ. 2564 – โคมุโระจบการศึกษาด้านกฎหมายและเริ่มทำงานให้กับสำนักงานกฎหมายในนิวยอร์ก
กันยายน พ.ศ. 2564 – โคมุโระเดินทางกลับประเทศญี่ปุ่นในรอบ 3 ปี พร้อมผมยาวที่ถูกเป็นหางม้า ทำให้ถูกวิพากย์วิจารณ์ว่าไม่สุภาพ ซึ่งหลายสัปดาห์ต่อมานายโคมุโระได้ตัดผมสั้นเพื่อเข้าเฝ้าฯ พระบิดาและพระมารดาของเจ้าหญิงมาโกะ

1 ตุลาคม พ.ศ. 2564 – สำนักพระราชวังออกแถลงการณ์ว่าเจ้าหญิงมาโกะจะทรงเสกสมรสกับนายโคมุโระในวันที่ 26 ตุลาคม 2564 โดยไม่มีพิธีการใด ๆ และจะไม่รับเงินตามประเพณีเดิมที่ให้แด่เชื้อพระวงศ์หญิงที่ลาออกจากฐานันดรศักดิ์ ซึ่งหลังจากออกแถลงการณ์เพียงไม่กี่วัน สำนักพระราชวังได้เผยถึงพระอาการประชวรของเจ้าหญิงมาโกะ อันเนื่องมาจากความตึงเครียดของสถานการณ์และการรายงานข่าวจากสื่อ
23 ตุลาคม พ.ศ. 2564 – สำนักพระราชวังเผยแพร่พระรูปเจ้าหญิงมาโกะและ ‘เจ้าหญิงคาโกะ’ พระขนิษฐา เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติเจ้าหญิงมาโกะ ทรงมีพระชันษาครบ 30 ปี ซึ่งถือเป็นการเฉลิมพระชันษาในฐานะสมาชิกราชวงศ์ครั้งสุดท้าย
26 ตุลาคม พ.ศ. 2564 – เจ้าหญิงมาโกะทรงจดทะเบียนสมรสกับเคอิ โคมุโระ พร้อมแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน โดยหลังจากนี้ทรงมีแผนจะย้ายไปพำนักที่สหรัฐอเมริกากับโคมุโระ และเริ่มชีวิตสามัญชนในนาม ‘มาโกะ โคมุโระ’
Courtesy Photo : GETTY IMAGES, Kyodo News, TIME