สัมพันธไมตรีระหว่างไทยและภูฏานนับว่าแน่นแฟ้นด้วยดีเสมอมา โดยเฉพาะในปี พ.ศ. 2549 เมื่อครั้งเจ้าชายจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก (พระอิสริยยศในขณะนั้น) เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเป็นพระราชอาคันตุกะในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
ความสัมพันธ์ยิ่งทวีความแน่นแฟ้นมากขึ้น เมื่อวันที่ 23 – 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 ที่ผ่านมา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จพระราชดำเนินเยือนราชอาณาจักรภูฏานอย่างเป็นทางการตามคำกราบบังคมทูลเชิญของรัฐบาลภูฏาน เพื่อทอดพระเนตรความก้าวหน้าโครงการความร่วมมือพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กและเยาวชนตามพระราชดำริ
วันที่ 23 พฤษภาคม สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จพระราชดำเนินถึงสนามบินนานาชาติพาโร เจ้าหญิงโซนัม เดเชน วังชุก พระกนิษฐาในสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุกเฝ้าทูลละอองพระบาทรับเสด็จ
ในวันเดียวกันนั้น สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯได้เสด็จพระราชดำเนินไปยังโรงเรียนวานาคาเซ็นทรัลในเมืองพาโรเป็นแห่งแรก เพื่อทอดพระเนตรความก้าวหน้าของกิจกรรมเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน เช่น การเลี้ยงเป็ด ไก่ การเพาะเห็ด และการปลูกผักสวนครัว ในโครงการความร่วมมือพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กและเยาวชนตามพระราชดำริฯ ที่พระองค์พระราชทานทุนดำเนินงานให้เมื่อปี พ.ศ. 2555 โอกาสนี้ได้มีพระราชปฏิสันถารกับเด็กนักเรียน รวมทั้งทรงปลูกต้นสนไซเปรสเป็นที่ระลึกบริเวณหน้าอาคารเรียนด้วย
วันรุ่งขึ้น สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯได้เสด็จพระราชดำเนินไปเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทสมเด็จพระราชาธิบดีที่ 4 สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี ซิงเย วังชุก พระราชบิดาในสมเด็จพระราชาธิบดีพระองค์ปัจจุบัน ณ พระราชวังเคเชนโชลิง ทั้งสองพระองค์ได้ทรงสนทนากันด้วยเรื่องต่างๆเป็นการส่วนพระองค์ จากนั้น สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ได้เสด็จพระราชดำเนินไปเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมีเคเซอร์ นัมเกล วังชุก และสมเด็จพระราชินีเจตซุน เพมา ณ ป้อมตาชิโซซองในกรุงทิมพู โดยทั้งสองพระองค์เสด็จออกทรงรับ พร้อมจัดให้มีพระราชพิธีต้อนรับอย่างสมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ยังทรงมีโอกาสได้พบกับเจ้าชายจิกมีนัมเกล วังชุก พระราชโอรสพระองค์น้อยในสมเด็จพระราชาธิบดีและสมเด็จพระราชินีแห่งภูฏานพระองค์ได้ทรงอุ้มเจ้าชายน้อยไว้ในอ้อมพระกรขณะพระราชบิดาและพระราชมารดาในเจ้าชายทอดพระเนตรด้วยความปลื้มปีติ

ในพระราชพิธีต้อนรับ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงฉลองพระองค์ไหมไทยสีม่วงไลแลคขณะที่สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมีและสมเด็จพระราชินีเจตซุนทรงฉลองพระองค์ชุดประจำชาติภูฏานสีสันสดใส แสดงถึงวัฒนธรรมประเพณีอันงดงามของทั้งสองประเทศ พิธีสำคัญในโอกาสนี้คือการนำเสด็จพระราชอาคันตุกะด้วยขบวนรับเสด็จแบบภูฏานที่เรียกว่า ชิบเดรล ซึ่งเป็นขบวนต้อนรับที่มีธิวทิวต่างๆ นำธงชาติไทย มีดนตรี ระบำการท่องมนต์ นำเสด็จจนถึงบริเวณหน้าพระวิหารใหญ่
จากนั้น สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมีนำเสด็จสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สู่ห้องรับรองแกรนด์คูเอ็นรีย์ภายในป้อมตาชิโซซอง ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปองค์ใหญ่ พระสงฆ์สวดมนต์ถวายพระพร และพิธีการสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือการถวายพระพรชัยมงคลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้มีพระพลานามัยแข็งแรงสมบูรณ์และมีพระชนมายุยิ่งยืนนาน โดยพระราชวงศ์ทั้งสองประเทศทรงร่วมสวดมนต์และจุดตะเกียงน้ำมันเนย 1,000 ดวงภายในป้อมตาชิโซซอง
ส่วนในช่วงค่ำ สมเด็จพระราชาธิบดีและสมเด็จพระราชินีแห่งภูฏานได้พระราชทานเลี้ยงพระกระยาหารค่ำเป็นการส่วนพระองค์แด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ที่พระราชวังลิงคานา ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯได้พระราชทานพระราชวโรกาสให้นายเชอริง ต๊อบเกย์ และภริยา เข้าเฝ้าทูลละอองพระบาทและถวายเลี้ยงพระกระยาหารกลางวันในโอกาสเสด็จพระราชดำเนินเยือนภูฏานอย่างเป็นทางการ ณอาคารประชุมแห่งชาติ
อนึ่ง สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ยังได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมชมวัดคิชูในเมืองพาโร ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของภูฏาน และทรงฉายภาพไว้เป็นที่ระลึก นอกจากนี้ยังได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมชมสถานที่สำคัญอื่นๆ เช่น วัดทักซัง พิพิธภัณฑ์สิ่งทอแห่งชาติ ป้อมปราการทิมพู ป้อมปราการพูนาคา และสวนพฤกษศาสตร์แห่งชาติภูฏาน ก่อนเสด็จพระราชดำเนินกลับประเทศไทยเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2559
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
PHOTOS: FACEBOOK_OUR BELOVED PRINCESS MAHA CHAKRI SIRINDHORN, ROYALOFFICE FOR MEDIA, KINGDOM OF BHUTAN AND WEB_NATION MULTIMEDIA