ด้วยความงดงามของทิวทัศน์ น้ำใจของผู้คน และทรงเห็นถึงความยากลำบากในการดำรงชีวิตหลังจากแผ่นดินไหวเมื่อปีที่แล้ว จึงทรงยืดเวลาประทับอยู่ในประเทศแห่งเทือกเขาหิมาลัยแห่งนี้ต่อ
ช่วงกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เจ้าชายแฮร์รี่เสด็จไปที่ประเทศเนปาลเพื่อทรงปฏิบัติพระกรณียกิจต่างๆ ตามหมายกำหนดการเป็นเวลา 5 วัน แต่ด้วยความงดงามของทิวทัศน์ น้ำใจของผู้คน และทรงเห็นถึงความยากลำบากในการดำรงชีวิตหลังจากแผ่นดินไหวเมื่อปีที่แล้ว จึงทรงยืดเวลาประทับอยู่ในประเทศแห่งเทือกเขาหิมาลัยแห่งนี้ต่อไปกระทั่งสิ้นเดือนมีนาคม
เจ้าชายหนุ่มมีพระดำรัสที่สถานทูตอังกฤษ ซึ่งแทนที่จะเป็นสปีชอำลา กลับทรงสร้างเซอร์ไพรส์ว่า “ผู้คนที่เราได้พบและความงดงามของประเทศนี้ทำให้การจากไปเป็นเรื่องยาก” ทรงรับสั่ง “อย่างไรก็ตาม เราจะยังไม่กลับตอนนี้!”
การประทับต่อนั้นทรงมีแผนจะร่วมงานกับองค์การกุศล Team Rubicon ในโครงการฟื้นฟูจากภัยพิบัติแผ่นดินไหวเมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้ว ดังที่ทรงรับสั่งเสริมในงานถวายเลี้ยงของสถานทูตอังกฤษว่า “เรารู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่มีโอกาสได้ให้ความช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ แก่ประเทศที่งดงามแห่งนี้ในช่วงท้ายของการเยือน” เจ้าชายแฮร์รี่ได้เสด็จไปทอดพระเนตรโครงการช่วยเหลือฟื้นฟูหลายโครงการ และทรงช่วยงานก่อสร้างโรงเรียนแห่งหนึ่งขึ้นใหม่ หลังจากโรงเรียนแห่งนี้เสียหายยับเยินจากแผ่นดินไหวขนาด 7.8 แมกนิจูด ทำให้เด็กนักเรียนต้องเรียนหนังสือในห้องเรียนชั่วคราวที่เป็นเต็นท์ผ้าใบกันน้ำ ซึ่งช่วยปกป้องเด็กๆ จากสภาพภูมิอากาศต่างๆ ได้เพียงเล็กน้อย โดยเฉพาะฤดูฝนที่กำลังจะมาถึงนี้
พระโอรสในเจ้าชายแห่งเวลส์ยังได้เสด็จไปทรงท่องเที่ยวไปตามภูเขาต่างๆ ทรงตั้งแคมป์ และทรงใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ทรงซึมซับและเข้าพระทัยความเป็นอยู่ของคนในท้องถิ่นอย่างแท้จริง ดังมีรับสั่งเชิญชวนคนมาเยือนเนปาลว่า “พวกคุณต้องมาพบกับชาวเนปาล เราแทบจะไม่เคยได้รับการต้อนรับเช่นที่เราพบในช่วงสองสามวันท้ายๆ นี้มาก่อน เราอาจได้รับการต้อนรับดีเกินไปด้วยซ้ำ! ที่นี่คือที่ที่คุณต้องมาเยือน”
…………………………………………………………………………………………………………………
PHOTOS: GETTY IMAGES AND PRINCE HARRY’S INSTAGRAM