ในช่วงเช้าของวันนี้ (2 พฤศจิกายน 2560) สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเป็นประธานเปิดนิทรรศการงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร โดยมี คุณใหม่ – สิริกิติยา เจนเซ่น, พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี, พลเอกธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานจัดสร้างพระเมรุมาศ อาคารประกอบ และการบูรณะปฏิสังขรณ์ราชรถและพระยานมาศฯ คุณวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงวัฒนธรรม คุณอนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร ข้าราชการ และประชาชนที่มารอเข้ามาชมนิทรรศการ เฝ้าฯ รับเสด็จฯ ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง
ทั้งนี้นิทรรศการภายในพระเมรุมาศ จัดขึ้นเพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณผ่านพระราชประวัติ พระราชกรณียกิจ และโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตลอดจนประชาชนได้เรียนรู้ขนบธรรมเนียมโบราณราชประเพณีราชวงศ์ของไทยที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมและภูมิปัญญาอันล้ำค่าของไทย ผ่านความวิจิตรของพระเมรุมาซ และอาคารประกอบสถาปัตยกรรมไทย ที่จัดสร้างขึ้นอย่างสมพระเกียรติ
ในการนี้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรนิทรรศการ ฯ ซึ่งจัดแสดงอยู่โดยรอบในรั้วราชวัติประกอบด้วย นิทรรศการพระเมรุมาศ สิ่งปลูกสร้างประกอบพระเมรุมาศที่ใช้ในงานพระราชพิธีฯ ที่แสดงให้เห็นความงดงามในหลักปรัชญาการสร้างตามโบราณราชประเพณี ขณะที่บริเวณพระที่นั่งทรงธรรม เป็นนิทรรศการพระราชประวัติ พระราชกรณียกิจ และจิตรกรรมฝาผนังโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ภายใต้ชื่อ ‘พระผู้ทรงเป็นนิรันดร์’ โดยแบ่งเป็น 5 หัวข้อ คือ 1.เมื่อเสด็จอวตาร 2.รัชกาลที่ร่มเย็น 3.เพ็ญพระราชธรรม 4.นำพระราชไมตรี และ 5.พระจักรีนิวัติฟ้า
ขณะที่ภายในศาลาลูกขุนทั้ง 6 หลัง เป็นนิทรรศการพระเมรุมาศ สิ่งปลูกสร้างประกอบ และงานบูรณปฏิสังขรณ์ราชรถและพระยานมาศ ที่แบ่งการจัดแสดงเป็นเรื่องต่างๆ ดังนี้ 1.สมมติเทวพิมาน : สถาปัตยกรรมพระเมรุมาศ 2. ณ วิธานสถาปกศาลา : จากแบบขยายสู่การก่อสร้าง 3 ประติมาสร้างสรรค์ : งานประติมากรรมประดับพระเมรุมาศ 4.สวรรค์บรรจงวาด : ฉากบังเพลิงและจิตรกรรมฝาผนังโครงการพระราชดำริ 5.ยาตรากฤษฎาธาร :การบูรณปฏิสังขรณ์ราชรถและพระยานมาศ 6.ตระการวิจิตรศิลปกรรม : งายประณีตศิลป์ในพระราชพิธี ส่วนบริเวณทับเกษตร นำสัมผัสพระสุเมรุ : นิทรรศการสัมผัสเพื่อผู้พิการทางสายตา โดยมีพระเมรุมาศจำลอง เพื่อให้ผู้พิการทางสายตาได้มีโอกาสสัมผัสของจริงแทนการมองเห็น รวมถึงประติมากรรมเทวดา สัตว์หิมพานต์ต่างๆ ซึ่งจะมีอาสาสมัครนำชม และยังได้จัดทำซีดีเสียงบรรยายนิทรรศการสำหรับผู้พิการทางสายตา ส่วนผู้พิการทางการได้ยิน จะมีจิตอาสานำชมด้วยภาษามือ
นอกจากนั้นยังมีภูมิทัศน์บริเวณด้านหน้าทางเข้าพระเมรุมาศทิศเหนือ สะท้อนให้เห็นถึงพระราชกรณียกิจของในหลวงรัชกาลที่ 9 และโครงการในพระราชดำริ เช่น พันธุ์ข้าวพระราชทาน หญ้าแฝก ต้นยางนา ต้นมะม่วงมหาชน กังหันนำ้ชัยพัฒนา ฝายน้ำล้น และคันนาสีทองเลขเก้าไทย (๙) ที่ได้นำดินจากโครงการช่างหัวมันมาปั้น
ทั้งนี้ พระเมรุมาศได้เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมนิทรรศการได้ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึง 30 พฤติกายนนี้ ในเวลา 07.00 – 22.00 น. ของทุกวัน รอบละ 5,500 คน โดยให้เวลาชมรอบละ 45 นาที – 1 ชั่วโมง พร้อมกันนี้ ยังมีการจัดเวทีแสดงมรสพด้านนอกมณฑลพิธีฝั่งทิศเหนือ ซึ่งจะจัดแสดง 2 ช่วง เวลา 18.00 – 19.30 น. และเวลา 20.00 – 22.00 น. เป็นการแสดงชุดต่างๆ เช่น การแสดงพื้นเมืองแต่ละภาค การแสดงละครเรื่องอิเหนา พระมหาชนก พระสุธนมโนราห์ การแสดงดนตรีสากล การแสดงโขนหน้าพระที่นั่งทรงธรรม ตอนพระนารายณ์ปราบนนทก รวมทั้งการประโคมดนตรี วันละ 10 วง บริเวณศาลาลูกขุน ตั้งแต่เวลา 08.00 – 17.00 น. โดยสำนักการสังคีต กรมศิลปากร วิทยาลัยนาฏศิลป์ สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ ฯลฯ
สำหรับประชาชนที่จะเดินทางมาร่วมชมนิทรรศการ กรุณาแต่งกายด้วยชุดสุภาพเรียบร้อย และผ่านจุดคัดกรอง 5 จุด คือ บริเวณหน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์ ท่าช้าง หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน (รด.) ฝั่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ และหลังกระทรวงกลาโหม


