ทรงพระสิริโฉมงดงาม! พระองค์หญิงสิริวัณณวรีฯ ในฉลองพระองค์ผ้าไหมมัดหมี่ เมื่อครั้งเสด็จเยือนกรุงปารีส
“It’s beautiful night” หนึ่งประโยคชื่นชมของแขกผู้มีเกียรติที่กล่าวให้ได้ยินอยู่ไม่ขาดปาก เมื่อทุกคนก้าวเข้าสู่งาน “L’Art et l’Âme de la Thaïlande” (Art and Soul of Thailand) กาล่าดินเนอร์สไตล์ไทยสุดหรู ที่ถูกเนรมิตขึ้น ณ โรงแรม InterContinental Le Grand ใจกลางกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส

จากพระดำริของพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ที่มีพระประสงค์นำเสนอภาพลักษณ์ประเทศไทยในมุมมองคนรุ่นใหม่ เพราะทรงคุ้นเคยกับสังคมฝรั่งเศสเป็นอย่างดี และทรงตระหนักถึงศักยภาพของตลาดฝรั่งเศส จึงได้ประทานพระดำริให้สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปารีส พิจารณาร่วมมือกับสำนักงานทีมประเทศไทย จัดกิจกรรมยกระดับภาพลักษณ์ประเทศไทยดังกล่าวขึ้น

เรียกว่างานนี้ได้ขนความเป็นไทยทุกอย่างมารวบรวมไว้ในหนึ่งเดียว พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ทรงใส่พระทัยในทุกๆ รายละเอียดของการนำเสนอ เพื่อให้ชาวฝรั่งเศสเข้าถึงแก่นแท้ของความเป็นไทย โดยเน้นการรับรู้ผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 (Senses) คือ การมองเห็น การได้ยิน การได้กลิ่น การลิ้มรส และการสัมผัส
ด้วยการรังสรรค์กิจกรรมต่างๆ ซึ่งประกอบด้วย Welcome to Thailand การพาเหรดผลิตภัณฑ์สินค้าและบริการไทย อาทิ ข้าว เครื่องปรุงอาหาร หัตถกรรม ผลิตภัณฑ์สปา ของใช้ เครื่องตกแต่งภายในบ้าน และของขวัญระดับคุณภาพยอดเยี่ยม หนังสือแนะนำร้านอาหาร Michelin Guide Bangkok เพื่อประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ความโดดเด่น กิจกรรม และเชื่อมโยงกับผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงของแต่ละภาค มาให้ทุกคนชมและทำความรู้จักกับประเทศไทยกันก่อน

ต่อด้วย L’univers de Sirivannavari การจัดแสดงคอลเลกชั่นเสื้อผ้าและเครื่องประดับจากแบรนด์ Sirivannavari Bangkok ทว่าล้วนแต่เป็นชิ้นงานที่วิจิตรงดงามด้านดีไซน์ จากการหยิบเอาผ้าไหมไทยมาออกแบบเป็นแฟชั่นสุดหรู รวมไปถึงฉลองพระองค์ผ้าไหมมัดหมี่นกยูงทองประดับขนนกจาก SIRIVANNAVARI Couture ที่พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ทรงฉลองในค่ำคืนนั้นด้วย ช่างปราณิตและงดงามเกินจะบรรยายจริงๆ

จากนั้น พระองค์ทรงเชิญแขกผู้มีเกียรติกว่า 300 ท่าน ร่วมสัมผัสศิลปะแห่งจิตวิญญาณของไทยไปกับกาล่าดินเนอร์ที่เนรมิตขึ้นอย่างอลังการภายในซาลอน โอเปร่า ฮอลล์ ซึ่งต่างก็สัมผัสได้ถึงความเป็นไทยจากการประดับตกแต่งโต๊ะดินเนอร์ด้วยดอกไม้ไทย ผสมผสานกับดอกไม้ท้องถิ่นของฝรั่งเศสที่ลงตัวจนต้องร้องว้าวกันเลย
สำหรับความสวยงามตระการตานี้ เป็นฝีมือการรังสรรค์ของ ‘คุณสกุล อินทกุล’ นักจัดดอกไม้ชื่อดังชาวไทย ที่ขนทีมงานจากเมืองไทย ร่วมด้วยทีมงานจากนานาชาติกว่า 25 ชีวิต แท็คทีมนำเสนอความเป็นไทยผ่านศิลปะการจัดดอกไม้แบบไทยทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นเครื่องแขวน วิมานพระอินทร์ กระทง บายสี พวงมาลัย มาลัยตุ้ม ฯลฯ โดยย่อส่วนให้เล็กลง เน้นให้เห็นถึงความละเอียดและปราณีตที่สุดตามพระประสงค์

ไม่เพียงเท่านั้น พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ยังมีรับสั่งให้วางคอนเซปต์ในการจัดโต๊ะ โดยใช้ชื่อจังหวัดต่างๆ ของไทยมาตั้งเป็นชื่อโต๊ะ ประมาณ 20 จังหวัด พร้อมสอดแทรกอัตลักษณ์ของแต่ละท้องถิ่น ด้วยการนำผลิตภัณฑ์ดีเด่นของจังหวัดนั้นๆ มาโชว์เป็นกิมมิกประกอบบนโต๊ะอาหารด้วย

และที่ประทับใจแขกผู้มาเยือนสุดๆ เห็นจะเป็น ‘ตุ๊กตาตัวหนังตะลุงตัวจิ๋ว’ ที่ออกแบบมาเพื่องานนี้ เป็นตัวหนังตะลุงชายหนุ่มใส่สูททักซิโด้แบบชาวปารีเซียง คู่กับตัวหนังตะลุงหญิงสาวห่มสะไบแบบชาวสยาม วางต้อนรับบนโต๊ะ

ก่อนลิ้มรสอาหารไทยต้นตำรับ ที่ปรุงรสโดยเชฟวิชิต มุกุระ แห่งร้าน Khao ซึ่งอิมพอร์ตวัตถุดิบหลักไปจากเมืองไทยกว่า 300 กิโลกรัม เพื่อครีเอตเมนูพิเศษสไตล์ไทยแท้เสิร์ฟความอร่อย ทั้งหมด 8 เมนู

ระหว่างที่ทุกคนต่างเพลิดเพลินกับรสชาติอาหาร บนเวทีก็มีการแสดงให้ชมกันอย่างต่อเนื่องทั้งการแสดงศิลปะร่วมสมัยของหุ่นละครเล็ก จากโรงละครอักษรา คิง เพาเวอร์ และการอัญเชิญบทเพลงพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร มาบรรเลงคลอไปเบาๆ โดยวง Royal Bangkok Symphony Orchestra (RBSO) รวมถึงบทเพลง Twilight Chimes Of Rattanakosin ที่พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ประพันธ์ขึ้นสำหรับงานนี้โดยเฉพาะ

นับเป็นค่ำคืนที่สวยงาม ดั่งคำชื่นชมของแขกผู้มีเกียรติ เพราะทุกอย่างที่นำมาเสนอในงานนี้ สื่อถึงความเป็นไทยได้อย่างครบถ้วนในมุมมองที่แปลกใหม่ ซึ่งพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ได้มีพระดำรัสขอบคุณทีมงานทุกๆ ฝ่าย ที่ได้ร่วมแรงร่วมใจ สร้างสรรค์งานครั้งนี้จนออกมาดีที่สุด และทรงขอบคุณที่ช่วยทำให้ฝันของพระองค์เป็นจริง