เนื่องในโอกาสวันคล้ายเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 80 พรรษา ของสมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธอที่ 2 แห่งเดนมาร์ก ในวันที่ 16 เมษายน สำนักพระราชวังอมาเลียนบอร์ก ได้เผยแพร่พระบรมฉายาลักษณ์ของสมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธอ ตั้งแต่พระราชพิธีบรมราชาภิเษก ปี 1972 ไปจนถึงวันคล้ายวันพระเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 60 พรรษา ในปี 2000 ซึ่งเป็นการพาย้อนไทม์ไลน์ครองราชย์ กับ 9 พระบรมฉายาลักษณ์ ผลงานช่างฉายพระบรมฉายาลักษณ์ผู้ล่วงลับ ริกมอร์ มิดต์สกอฟ (Rigmor Mydtskov) และช่างฉายพระบรมฉายาลักษณ์คนปัจจุบัน เพอร์ มอร์เทน อับราฮัมเซน (Per Morten Abrahamsen)
วันคล้ายวันเสด็จพระบรมราชสมภพของสมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธอที่แตกต่างจากปีก่อน
สถานการณ์วิกฤตไวรัสโคโรนาทำให้โปรแกรมการฉลองวันคล้ายวันเสด็จพระบรมราชสมภพที่เคยทำอยู่เป็นประจำ เช่น การจุดดอกไม้ไฟ นิทรรศการสุดยิ่งใหญ่ งานกาลาดินเนอร์ งานแถลงข่าวหรือแม้แต่การล่องเรือช่วงฤดูร้อนต้องถูกยกเลิก เนื่องจากต้องปฏิบัติตามมาตรการที่รัฐบาลวางไว้
ดังนั้นเมื่อกิจกรรมช่วงฤดูร้อนหยุดชะงัก สำนักพระราชวังจึงพาย้อนชมเส้นทางการเสด็จขึ้นครองราชย์ของสมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธอ ผ่านพระบรมฉายาลักษณ์ตั้งแต่ทรงได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระราชินีนาถ ปี 1972 ในพระชนมายุ 32 พรรษา โดยพระบรมฉายาลักษณ์แรกนี้ ฉายขึ้นขณะพระองค์ทรงฉลองพระองค์เดรสสีดำแบบแขนพอง ลวดลายเทียราวางสลับกันไปมา ประทับบนพระเก้าอี้ในห้องนั่งเล่น ด้านหลังมองเห็นสวน
และคาดว่าเป็นห้องเดียวกับในพระบรมฉายาลักษณ์ใหม่ล่าสุดที่ฉายกับรัชทายาท มกุฎราชกุมารเฟรเดอริกและเจ้าชายคริสเตียน ในโอกาสวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ โดยปกติแล้วสมเด็จพระราชินีนาถจะทรงได้รับทูลเกล้าฯ ถวายดอกไม้มากมายใช่ช่วงนี้ แต่ปัจจุบัน พระองค์ได้นำดอกไม้ที่ได้รับไปมอบให้กับผู้สูงอายุที่กำลังเผชิญช่วงเวลายากลำบากในตอนนี้
ต่อมาปี ปี 1982 สมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธอแห่งเดนมาร์กแย้มพระสรวลกว้าง ในพระบรมฉายาลักษณ์ที่มีฉากหลังเป็นสีดำ พระองค์ทรงฉลองพระองค์เดรสสีม่วงแบบคอวี ทรงสร้อยพระศอไข่มุก และทอดพระเนตรมาที่กล้อง ในขณะนั้นสมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธอทรงครองบัลลังก์มาแล้วเป็นเวลา 10 ปี มีพระราชโอรส 2 พระองค์ได้แก่ เจ้าชายเฟรเดอริก พระชันษา 14 ปี และ
เจ้าชายวาคิม พระชันษา 13 ปี
ต่อมาเป็นพระบรมฉายาลักษณ์ที่มีลักษณะเหมือนกับพระบรมฉายาลักษณ์ก่อนหน้า ช่างภาพ Rigmor Mydtskov ยังคงสำรวจมุมส่วนพระองค์อีกมุมหนึ่งของสมเด็จพระราชินีนาถต่อไป ในปี 1988 สมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธอทรงแสดงออกถึงความอ่อนหวานและความสำราญพระราชหฤทัย โดยพระองค์ทรงหันข้างและแย้มพระสรวลพร้อมกับวางพระหัตถ์บนปกฉลองพระองค์สีเขียวอย่างสบายๆ
และในปี 1988 เดียวกันนี้ ยังมีพระบรมฉายาลักษณ์ขาว-ดำ สไตล์เดียวกันกับพระบรมฉายาลักษณ์บนเผยแพร่ออกมา สมเด็จพระราชินีนาถทรงฉลองพระองค์เชิ้ต ทรงพระมาลา และทรงพระกุณฑลสไตล์สะดุดตา ที่แสดงให้เห็นตัวตนความเป็นพระมหากษัตริย์ผู้มีความมาดมั่น
พอเริ่มเข้าสู่ยุค 90s พระราชชายาในเจ้าชายเฮนริก ทรงนำเสนอภาพลักษณ์ร่าเริงและมีสีสัน พระองค์ฉายพระบรมฉายาลักษณ์พระพักตร์ตรง ทรงเผยรอยแย้มพระสรวลกว้าง แตกต่างจากปี 1972 สมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธอทรงโพสท่าด้วยการไขว้พระพาหา และทรงรวบพระเกศา ในช่วงเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 50 พรรษา
ในพระบรมฉายาลักษณ์พอร์เทรตหลายๆ พระรูป สมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธอแห่งเดนมาร์ก ทรงเผยตัวตนความเป็นสมเด็จพระราชินีนาถอย่างแท้จริง แต่พระองค์ก็ทรงไม่ลืมกฎของราชวงศ์ที่ต้องทรงเทียราและเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ดังเช่นพระบรมฉายาลักษณ์นี้ที่พระองค์ทรงฉลองพระองค์เดรสลูกไม้ฟูฟ่องสีมารูน ทรงประดับจิวเวลรี่ และทรงโพสท่าแบบผ่อนคลายแต่ยังคงความสุขุม
ดำเนินมาถึงช่วงครองราชย์ครบ 30 ปี สมเด็จพระราชินีนาถทรงฉลองพระองค์เดรสที่งามที่สุดเพื่อทรงฉายพระบรมฉายาลักษณ์แบบเป็นทางการ แม้จะทรงฉลองพระองค์เดรสสีเหลืองสุดอลังการ พร้อมกับทรงประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ แต่พระองค์ก็ทรงโพสด้วยท่าทางที่เป็นธรรมชาติในพระบรมฉายาลักษณ์นี้
สำหรับวันคล้ายวันเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 60 พรรษา สมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธอ ทรงสร้างความประหลาดใจด้วยพระบรมฉายาลักษณ์ที่ดูคล้ายกับพระบรมฉายาลักษณ์ก่อน แต่มีความแตกต่างกัน พระองค์ทรงยืนอยู่ในฉลองพระองค์เดรสสีแดงและทองสุดหรู ทรงแสดงให้เห็นว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมาพระองค์มีความสุขุมและความเป็นธรรมชาติ
ในแต่ละช่วงเวลาที่ผ่านมามีการเปลี่ยนแปลงมากมายทั้งผู้นำ แฟชั่น สิ่งแวดล้อม และความเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลงคือ สมเด็จพระราชินีมาร์เกรเธอยังคงทรงสร้อยพระศอองค์เดิมกับที่ทรงในปี 1972