เส้นทางชีวิตที่พลิกผันของ ‘คุณดุ๊ก-ภารไดย ธีระธาดา’ ได้รับแรงบันดาลใจจากสิ่งประดิษฐ์เล็กๆ ที่เรียกว่า ‘นาฬิกา’
ผู้ชายคนนี้ไม่ได้แค่ใส่ แต่ชอบสะสมเป็นชีวิตจิตใจและมากกว่าแค่สะสม เขายังชื่นชมทุกชิ้นส่วนอย่างลึกซึ้ง แม้แต่การเปลี่ยนเส้นทางชีวิต ‘คุณดุ๊ก-ภารไดย ธีระธาดา’ ได้แรงบันดาลใจ มาจากสิ่งประดิษฐ์เล็กๆ ที่เรียกว่า ‘นาฬิกา’
“นาฬิกาซูเปอร์แมนเรือนแรกของผมตอนอายุ 6ขวบ รูปซูเปอร์แมนบนหน้าปัด ทำให้รู้สึกว่าตัวเองพิเศษ และแตกต่างไปจากเด็กคนอื่น นั่นคือความรู้สึกที่ผมสัมผัสได้จากนาฬิกา” Watch Appreciator แถวหน้าของเมืองไทย กล่าวถึงจุดเริ่มต้นของนาฬิกาเรือนแรกในชีวิต ก่อนที่เขาจะเป็นเจ้าของนาฬิกาหายากนับร้อยเรือนอย่างทุกวันนี้
เขาปฏิเสธไอเดียทำพิพิธภัณฑ์นาฬิกา แม้จะมีคอลเล็กชั่นส่วนตัวก็มาก มีคลังความรู้ก็ไม่น้อยกว่าใครในประเทศไทย “มันคือแพสชั่นส่วนตัวของผมจริงๆ ผมไม่ได้มีไว้เพื่ออวดใคร” เขายิ้มสุภาพ “แต่คนที่จะชื่นชมสิ่งที่ ‘ดูเก่า’ในเมืองไทยอาจจะมีน้อย หรือยังติดว่าต้องใส่อะไรที่คนเห็นปุ๊บรู้มูลค่าได้ทันที แต่นาฬิกาวินเทจที่ผมใส่นี่ถ้าคนไม่รักนาฬิกาจริงๆ จะไม่รู้เลย คิดว่ามันเก่าเหลือเกิน คงจะราคา 2,000 หรือ 5,000 เหรียญ เขาไม่รู้ว่าแค่เข็มนาฬิกาอันเดียวก็ 22,500 เหรียญแล้วแต่ไม่เป็นไร มันคือสิ่งที่เรามีแพสชั่น เรามีความสุขและได้แรงบันดาลใจจากนาฬิกาก็พอแล้วครับ”
เขาจัดการเปลี่ยนสายนาฬิกา Blancpain Fifty Fathoms รุ่น MILSPEC 1 จากยุค 1950s บนข้อมือไปเป็นสายผ้าใบสีน้ำเงินเข้มตามเดิมอย่างคล่องแคล่ว “เวลาใช้งานผมไม่ได้ระวังมากมาย บางทีเบื่อรถติดก็ขึ้นมอเตอร์ไซค์ กลัวเหมือนกันถ้ารถล้ม ไม่ได้กลัวตัวเองจะเป็นอะไรนะ กลัวนาฬิกาพัง (หัวเราะ) เพราะอะไหล่นาฬิกาหายากมาก แต่ร่างกายเรายังพอซ่อมได้”

เขาท้าวความประวัติของบลองแปงบนข้อมือว่า “ทุกอย่างเป็นออริจินอล ผมได้มาตอนไปนิวยอร์ก ตอนเปิดกล่องต้องกลั้นหายใจนิดนึง ต้องระวังรังสีที่เกิดจากขั้นตอนทาหน้าปัดสีดำให้มองเห็นใต้น้ำได้ง่าย ผมเคยบินไปซูริคเพื่อไปเล่นสกี แต่พอรู้ข่าวว่ามีนาฬิกาวินเทจ ผมขับรถไปสตุ๊ทการ์ทคนเดียว 3 ชั่วโมง เพื่อซื้อนาฬิกาแล้วก็ขับรถกลับมา สกีไม่ต้องเล่นแล้ว แล้วเมื่อไม่กี่วันก่อนผมใส่นาฬิกาไปทานข้าวนอกบ้าน มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งนั่งโต๊ะติดกัน ผมเห็นเขาเล็งผมหลายครั้งจนเขาอดไม่ได้ต้องลุกมาบอกผมว่า ‘นาฬิกาคุณสวยมาก’นาฬิกาเลยเป็น Conversation Starter ที่ดึงให้คนพูดคุยกัน กลายเป็นเพื่อนกันในที่สุด”
เขาถือนาฬิกาสองเรือนมาเปรียบเทียบกัน Blancpain Fifty Fathoms MILSPEC 1 จากยุค 1950s และ Blancpain Fifty FathomsGrande Date รุ่นล่าสุดที่เปิดตัวในปี 2018 เขาสังเกตได้ทันทีถึงตัวเลขบอกวันที่ขนาดใหญ่บนช่องหน้าต่างคู่ที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกา เพื่อให้อ่านวันที่ได้ง่ายขึ้น แตกต่างจาก Blancpain Fifty Fathoms รุ่นก่อนหน้าที่ไม่มีหน้าต่างแสดงวันที่หรือมีอยู่ที่ตำแหน่งที่ 4 นาฬิกาเท่านั้น ตัวเรือนเปลี่ยนจากสแตนเลสสตีลเป็นไทเทเนียมเพื่อให้น้ำหนักเบาขึ้น แต่ยังมีขนาดเท่ากันที่ 45มม. และใช้สายผ้าใบหรือสาย NATO ตามนาฬิกาต้นตำรับ “ยุคที่ออกมาใหม่ๆ บลองแปงเป็น Tool Watch ที่จัดเป็นอุปกรณ์ดำน้ำอย่างหนึ่ง แต่เมื่อเวลาผ่านไปคนก็เริ่มชื่นชมคุณค่าและเอาใส่ในชีวิตประจำวัน ซึ่งตอนที่ผมใส่ก็รู้สึกว่ามันคือ Tool ชิ้นหนึ่งจริงๆ รู้สึกพิเศษ ไม่เหมือนใส่นาฬิกาทั่วไป ผมชอบนาฬิกาที่มีฟังก์ชั่นเฉพาะตัวบางอย่างที่นาฬิกาทั่วไปไม่มี”
คุณดุ๊กผันตัวเองจากนักบริหารไปเป็น Executive Coach ให้กับผู้บริหารซึ่งเขาสนุกกับการท้าทายตัวเองครั้งใหญ่อีกครั้ง “ผมเน้นการเปลี่ยน Mindset ของตัวเอง บางคนกลัวเลยไม่กล้าทำอะไรหลายๆ อย่าง แต่ถ้าเราไม่หาวิธีแก้อุปสรรคก็จะไปไม่ถึงเป้าหมาย ผมมองว่าโค้ชชิ่งต่างจากเทรนนิ่งที่เป็นเหมือนห้องเรียนให้คนนั่งเรียนทฤษฎี ไม่มีการโต้ตอบ ไม่กล้าแสดงความคิดเห็นและไม่กล้าเปิดเผยความลับของตัวเอง แต่ในการทำโค้ชชิ่งเราจะคุยกันตัวต่อตัว ต้องเชื่อใจกันสูงมากและต้องกล้าอธิบายในสิ่งที่อาจจะทำให้เราอายก็ได้ แต่เราต้องเชื่อใจโค้ช มันช่วยเราในการทำงานหรือการใช้ชีวิตได้” โค้ชดุ๊กเผยเรื่องราวเบื้องหลังของการเปลี่ยนเส้นทางอาชีพว่าได้แรงบันดาลใจจากนาฬิกาทุกเรือนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตนั่นเอง
“ทุกปีๆ แวดวงนาฬิกาจะต้องมีนวัตกรรมใหม่ๆ ออกมาตลอด แม้ว่ารุ่นที่มีอยู่จะเพอร์เฟ็กต์แล้ว เที่ยงตรงที่สุดแล้ว แต่เขายังหาวิธีทำให้มันดีกว่าเดิมได้ นี่คือสิ่งที่ผมชอบในนาฬิกา มันแสดงให้เราเห็นเสมอว่าเราพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นไปเรื่อยๆ ได้ ส่วนนาฬิกาวินเทจก็ยิ่งมีคาแรกเตอร์เฉพาะตัว มันสอนว่าเราไม่จำเป็นต้องเป็นเหมือนใคร เรียนรู้ที่จะชื่นชมในสิ่งที่เป็นและไม่ต้องเพอร์เฟ็กต์ตลอดเวลา ชีวิตไม่สนุกครับถ้าไม่มีจิตวิญญาณ”
“ยุคที่ออกมาใหม่ๆ BLANCPAIN เป็น Tool Watch ที่จัดเป็นอุปกรณ์ดำน้ำอย่างหนึ่ง แต่เมื่อเวลาผ่านไปคนก็เริ่มชื่นชมคุณค่าและเอาใส่ในชีวิตประจำวัน”
สอบถามรายละเอียดได้ที่ร้าน Pendulum สาขาสยามพารากอน และเซ็นทรัลเวิลด์ www.blancpain.com