หากกล่าวถึงคุณกรองกาญจน์ ชมะนันทน์ (คุณก๊องส์) เธอคือต้นฉบับของสุภาพสตรีผู้งามพร้อมสมวัย เป็นภรรยาคู่ชีวิตของ พันเอกพิเศษ พงศ์พิพัฒน์ ชมะนันทน์ บุตรชายคนโต ของพลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ อดีตนายกรัฐมนตรี กับคุณหญิงวิรัตน์ ชมะนันทน์ ทั้งยังเป็นคุณแม่ยังสาวของบุตรสาวฝาแฝด พิมพิศา (พริม), พิชามญช์ (แพรว) และบุตรชาย ภาณุสิชฌ์ (แพลน)

เนื่องจากสมรสตั้งแต่ยังสาว จึงนับได้ว่าเธอได้เข้ามาเป็นลูกสาวอีกหนึ่งคนของครอบครัวชมะนันทน์มานานกว่า 24 ปี ได้รับความรักและความเมตตาจากคุณพ่อและคุณแม่สามีไม่ต่างจากบิดามารดาบังเกิดเกล้านับตั้งแต่วันแรกจวบจนปัจจุบัน คุณก๊องส์ยังจำภาพแห่งความประทับใจในวันที่พลเอกเกรียงศักดิ์มาสู่ขอเธอให้กับบุตรชายของท่านได้เป็นอย่างดี
“ตอนที่ท่าน (พลเอกเกรียงศักดิ์) มาสู่ขอก๊องส์ให้พี่เอ๋ จำได้ว่ามีช่วงหนึ่งท่านกล่าวชมก๊องส์ว่า ‘เป็นคนที่มี Beauty and Brain’ จากนั้นก็กล่าวว่า ‘ผมก็คิดว่าคงจะมาเป็นคู่ชีวิตกับลูกเอ๋ ช่วยกันสร้างครอบครัวให้เจริญยิ่งๆขึ้นได้’ จริงๆท่านกล่าวไว้ยาวกว่านี้และเป็นสิ่งที่ดีมากๆ รวมถึงยังให้เกียรติเราอย่างที่สุด ก๊องส์จึงคิดเสมอว่าตัวเองโชคดีมาก ที่ได้มาเป็นครอบครัวเดียวกันท่านทั้งสอง” ส่วนคุณแม่สามี คุณหญิงวิรัตน์เอง ก็มักจะกล่าวอย่างอารมณ์ดีกับคุณก๊องส์เสมอว่า “แม่มีลูกชายอยู่คนเดียว ก๊องส์ต้องช่วยดูแลลูกแม่ให้ดีด้วยนะ ซึ่งความรักที่ท่านมีต่อลูกชายก็ส่งต่อมาถึงเราเสมอ ท่านทั้งรักและเมตตาเรามาก”

จวบจนเมื่อเธอมีลูกสาวฝาแฝด ทั้งเธอและสามียังหมั่นปลูกฝังและส่งเสริมหลานๆให้ได้อยู่ใกล้ชิดกับคุณปู่คุณย่ามากที่สุด เพื่อช่วยสร้างความสุขและความชุ่มชื่นหัวใจให้กับบุพการีทั้งสองในยามที่สูงวัย
“ทั้งพริมและแพรวจะนอนกับคุณปู่คุณย่าตั้งแต่เด็กๆ โดยมีพ่อ (คุณเอ๋) ที่ขนเอาฟูกนอนไปวางไว้ให้ข้างเตียงคุณปู่ คุณย่าคนละข้าง เพราะเรารู้ว่าด้วยความที่ท่านทั้งสองมีลูกน้อย มีเพียงแค่สองคน คือคุณเอ๋และน้องสาว เราจึงอยากให้หลานๆได้ใกล้ชิดคุณปู่คุณย่า เพราะผู้ใหญ่เวลาอยู่ใกล้ชิดกับเด็กๆ ท่านจะสดชื่นและรู้สึกว่ามีสุขภาพแข็งแรงขึ้นด้วย ทั้งพริมและแพรวนอนกับคุณปู่คุณย่าจนจบชั้นมัธยม และเพิ่งจะมีห้องส่วนตัวของตัวเองจริงๆตอนเรียนจบกลับมาจากอังกฤษเมื่อเร็วๆนี้เอง”

ความที่เป็นผู้หญิงทันสมัย ช่างแต่งตัว อีกทั้งด้วยภาระหน้าที่ในฐานะภริยาของผู้นำทางการเมือง คุณหญิงวิรัตน์จึงใส่ใจในเรื่องการแต่งกายเป็นพิเศษ ไม่เพียงแต่เฉพาะเรื่องเสื้อผ้า แต่ยังรวมถึงเครื่องประดับที่เลือกมาสวมใส่เพื่อให้เข้ากับเครื่องแต่งกาย จวบจนเมื่อลูกๆเติบโต และมีหลานให้ชื่นชม การเลือกซื้อเครื่องประดับของคุณหญิงจึงเพิ่มเติมและเผื่อแผ่มายังลูกสะใภ้และหลานๆอยู่เสมอ
“เวลาท่านซื้อของก็จะคิดถึงเรา คิดถึงหลานเสมอ ให้เป็นของขวัญวันเกิดบ้าง หรือซื้อให้หลานแต่ฝากเราไว้ก่อนบ้าง ซึ่งเครื่องประดับส่วนใหญ่ที่ท่านซื้อให้ก๊องส์และหลานๆก็จะเป็นชิ้นเล็กๆน่ารัก เพราะท่านเน้นให้เราใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน มีเข็มกลัดที่ใช้ติดไปงานได้ หรือไม่ก็เป็นสร้อยคอ สร้อยข้อมือ แม้แต่นาฬิกา และท่านยังคอยสังเกตว่าใครชอบอะไร อย่างก๊องส์ชอบโบว์ ท่านก็มักเลือกเครื่องประดับที่เป็นโบว์ให้ และทุกชิ้นที่ท่านมอบให้ก็จะเลือกมาให้เป็นสไตล์เรา และทุกชิ้นจะมีความหมาย บางชิ้นมอบให้วันเกิด วันครบรอบแต่งงานก๊องส์ท่านยังมีของขวัญให้เลย ท่านเป็นคุณแม่สามีที่ประเสริฐสำหรับลูกสะใภ้มาก ท่านใส่ใจ และมีน้ำใจให้เสมอ”



นอกเหนือจากเครื่องประดับที่ตั้งใจซื้อให้หลาน บางชิ้นที่คุณหญิงมอบให้ยังเป็นเครื่องประดับในคอลเลคชั่นส่วนตัวที่ท่านเคยใช้มาก่อน และคัดเลือกมาให้เป็นเซ็ตเพื่อให้หลานๆได้ใช้
“แต่ไหนแต่ไรท่านจะแต่งตัวเก๋ เรียบโก้ เวลามีนัดกินข้าวกับเพื่อนท่านจะชอบสวมเสื้อเชิ้ตปิดคอเก๋ๆ หรือไม่ก็เป็นคอตลบ แล้วกลัดเข็มกลัดไว้บนปกเสื้อหรือบนอก เป็นพลอยสีบ้าง หรือบางทีถ้าท่านใส่เสื้อลายเสือที่มีสีดำแทรก ก็จะเลือกเครื่องประดับเซ็ตนิลมาใช้ให้เข้ากัน ก๊องส์เองไปๆมาๆก็ชอบเข็มกลัดตามไปด้วย เวลาไปไหนเลือกกลัดเข็มกลัดแทนเครื่องประดับอย่างอื่น”
ซึ่งเครื่องประดับเซ็ตนิลและเพชรนี่เองที่ท่านเลือกให้กับฝาแฝดนำไปใช้สำหรับออกงาน โดยกล่าวว่าน่าจะเหมาะกับวัยรุ่นมากกว่าเครื่องประดับพลอยสีๆ ที่อาจดูสูงวัยไปนิด
“แบบที่ท่านเลือกมาให้นั้นบางชิ้นอายุร่วม 30-40 ปีแล้ว แต่พริมและแพรวยังสามารถหยิบมาใช้ได้อยู่เลย ความน่าประทับใจอยู่ตรงที่ของทุกชิ้นมีเรื่องราว มีคุณค่าทางจิตใจ เนื่องจากท่านให้เราด้วยความรัก ความเมตตา เวลาใส่ทุกครั้งก็จะนึกถึงท่าน แล้วก็คิดว่าวันหนึ่งถ้าเรามีลูก หรือลูกสะใภ้ เราก็จะทำแบบเดียวกับที่ท่านทำให้เรา เพราะเวลาเขาใส่เขาก็จะนึกถึงเราเช่นกัน” คุณก๊องส์กล่าว


คุณพิมพิศา (พริม) และพิชามญช์ (แพรว) ฝาแฝดเล่าว่าส่วนหนึ่งของความชื่นชอบในเรื่องการแต่งกาย ล้วนได้รับการถ่ายทอดจากคุณแม่และคุณย่าเป็นหลัก โดยเฉพาะเรื่องความทันสมัยและความเรียบโก้
“คุณย่าจะไม่ชอบให้หลานๆแต่งตัวเซ็กซี่ ท่านมักบอกว่าผู้หญิงเราดูดี ดู Elegant ได้โดยไม่จำเป็นต้องโชว์” คุณแพรวกล่าว มีบางครั้งที่ฝาแฝดขอหยิบยืมเสื้อผ้าของคุณย่าไปสวมใส่ในสไตล์ของพวกเธอด้วยเช่นกัน “ ด้วยความที่คุณย่าออกงานบ่อย ท่านจะแต่งตัวเรียบร้อยเป็นทางการเสมอ เราเคยยืมสูทคุณย่ามาใส่ ซึ่งจะเก๋มากเพราะกลายเป็นของวินเทจไปแล้ว ที่ชอบมากเป็นสูทกำมะหยี่ ที่พอมาใส่ในสไตล์เราก็ยังดูร่วมสมัยมาก”

ในส่วนของเครื่องประดับนั้นทั้งคุณพริมและคุณแพรวต่างเล่าว่าถือเป็นความผูกพันมาตั้งแต่ยังเด็ก
“ตั้งแต่เราจำความได้เราก็จะเห็นเครื่องประดับที่คุณย่าใส่มาตลอด เครื่องประดับคุณย่าจะเน้นความเป็นมินิมัล เรียบๆ มีความเก๋ คลาสสิก พอโตขึ้นมาเราก็ยิ่งประทับใจตรงตรงที่เป็นเครื่องประดับที่ใส่กับชุดไทยก็ได้ ชุดไปงานก็ได้ ทำให้เราสามารถนำเครื่องประดับที่คุณย่าเคยใส่ นำมามิกซ์กับชุดของพวกเราเองได้ด้วย แต่บางชิ้นก็ติดปัญหาตรงที่ว่า ด้วยความที่คุณย่าเป็นคนมือเล็ก นิ้วเล็กมาก แหวนบางวงเราสองคนจะใส่ไม่ได้เลย ถ้าอยากใส่มากๆก็ต้องเปลี่ยนมาใส่ตรงข้อนิ้วเป็น Knuckle ring แทน ซึ่งก็อินเทรนด์ไปอีกแบบ” คุณแพรวเล่า ก่อนคุณพริมจะเสริมถึงความประทับใจในเครื่องประดับของคุณย่าว่า “เครื่องประดับของคุณย่าแต่ละชิ้นถือเป็นของสะสมชนิดหนึ่ง ที่ตกทอดมาถึงเรา แต่ละชิ้นก็มีเรื่องราวในนั้น พริมชอบฟังคุณย่าเล่าถึงเครื่องประดับแต่ละชิ้นว่าชิ้นไหนเคยใส่ไปงาน แล้วได้พบเจอกับผู้นำประเทศนั้นประเทศนี้ หรือบางชิ้นเป็นของที่คุณปู่มอบให้คุณย่า เช่นนาฬิกา Chopard รูปหัวใจ ซึ่งเป็นของที่คุณปู่มอบให้คุณย่าในวันวาเลนไทน์ ทั้งหมดเป็นสิ่งที่มีค่ามาก เป็นคุณค่าที่เราตีเป็นมูลค่าไม่ได้”