เผยความงาม 6 เรือนเวลาที่ยืนหนึ่งเข้ารอบสุดท้ายในงาน ‘GPHG’ หรือ ‘รางวัลออสการ์ของวงการนาฬิกาโลก’
นาฬิกาประดับอัญมณีมีการสร้างสรรค์กันในหลากหลายแบรนด์ แต่สำหรับ 6 เรือนที่คัดเลือกมาเป็นพิเศษนี้เป็นผลงานที่ได้รับการคัดเลือกเข้าสู่รอบสุดท้ายของการประกวดรายการ GPHG หรือ Grand Prix d’Horlogerie de Genève ที่เปรียบได้กับรางวัลออสการ์ของวงการนาฬิกาโลก
ผู้ที่คว้ารางวัลนาฬิกาประดับอัญมณียอดเยี่ยมประจำปี 2019 หรือ Jewelry Watch Prize 2019 จาก GPHG ไปครองก็คือผลงานสุดตระการตาของ Bulgari รุ่น Serpenti Misteriosi Romani ผลงานในดีไซน์สไตล์นาฬิกาซ่อนเวลาหรือ Secret watch ที่ดูจากภายนอกจะเหมือนกับกำไลข้อมือประดับอัญมณีแสนสวย เด่นด้วยดีไซน์ของงู อันเป็นเอกลักษณ์ของคอลเลคชั่น Serpenti แต่เมื่อเปิดปากงูขึ้นก็จะเห็นพื้นหน้าปัดแสดงเวลาอยู่ด้านใน ซึ่งคณะกรรมของการประกวดให้ความเห็นว่า ด้วยดีไซน์ที่มีลักษณะของงูที่ขดเป็นวงรอบข้อมือ เสริมด้วยการออกแบบเกล็ดงูด้วยเพชรเจียรไนทรงบาเก็ตต์หรือทรงสี่เหลี่ยมได้อย่างลงตัว เมื่อสวมแล้วจะทำให้ข้อมือดูกลมกลืนเป็นส่วนหนึ่งของงูได้อย่างน่าประทับใจ ผลงานเรือนนี้รังสรรค์มาเพียงเรือนเดียวในโลก และเป็นนาฬิการะดับไฮเอ็นที่แพงที่สุดเท่าที่ Bulgari เคยทำมาด้วย
นอกเหนือจากผลงานระดับรางวัลเรือนนี้แล้ว ยังมีผลงานที่ผ่านด่านการคัดเลือกสุดเข้มข้นจากผลงานนับร้อยเข้าถึงรอบสุดท้ายอีก 6 เรือน ทุกเรือนคือผลงานนาฬิกาประดับอัญมณีที่ยอดเยี่ยมและงดงามอย่างแท้จริง
BVLGARI Serpenti Misteriosi Romani

ตัวเรือนและสายทองคำขาว 18k ประดับด้วยไพลินสีน้ำเงินบนหัวงู 1 เม็ดเจียระไนทรงหมอน น้ำหนัก 10.83 กะรัต และไพลินน้ำงามเจียระไนทรงบาเก็ตต์ น้ำหนัก 32.94 กะรัต และเพชรใสไร้ที่ติเจียระไนทรงสี่เหลี่ยมและฝังแบบจิกไข่ปลาทั้งบนตัวเรือน สายและพื้นหน้าปัดอีก 63.33 กะรัต รวมไพลินและเพชรทั้งสิ้น 674 เม็ด และยังมีพลอยเจียระไนทรงแพร์แทนดวงตาทั้งสองข้าง ทำงานด้วยกลไกควอตซ์คุณภาพสูง ราคา 1,771,000 สวิสฟรังก์
CHOPARD Waterlily

ผลงานเรือนสวยจากยอดแบรนด์เครื่องประดับชั้นสูง CHOPARD รังสรรค์เป็นพิเศษในคอลเลคชั่น Red Carpet ตัวเรือนใช้ทองคำขาว 18kเป็นทองคุณธรรมจากเหมืองที่ได้รับใบรับรองจากองค์กร Fairmined รับประกันคุณภาพชีวิตของชาวเหมือง ดีไซน์ได้แรงบันดาลใจจากดอกบัว ประดับเพชรน้ำงามน้ำหนักรวม 43 กะรัต ทั้งบนตัวเรือนในดีไซน์กลีบดอกไม้ ดูเบาบางและล้ำค่า ผลิตมาเพียงเรือนเดียวในโลก ราคา 1,140,000 สวิสฟรังก์
HERMÈS รุ่นพิเศษ Arceau H déco

แบรนด์แฟชั่นชั้นสูงที่มุ่งเน้นการรังสรรค์นาฬิกาอย่างจริงจัง นำดีไซน์ของ Henri d’Origny จากปี 1978 มารังสรรค์เป็นผลงานรุ่นพิเศษ Arceau H déco ด้วยจิตวิญญาณของศิลปะอาร์ตเดโค ตัวเรือนผลิตจากทองคำสีเทาพิเศษ ประดับเพชรทั้งบนตัวเรือนและบนพื้นหน้าปัดเปลือกหอยมุก กับลวดลายที่ดูคล้ายดอกไม้ที่เคลื่อนรอบตัว H ในแบบเดโคที่เห็นจากเครื่องเคลือบบนโต๊ะอาหาร รวม 432 เม็ด พื้นดำและขาวได้แรงบันดาลใจจากงานเหล็กที่ตกแต่งบูติกบนถนน Rue du Faubourg Sanit Honore ในกรุงปารีส ทำงานด้วยกลไกอัตโนมัติ ราคา 58,000 สวิสฟรังก์ ผลิตเป็นพิเศษ
JACOB & CO รุ่น The Mystery Tourbillon

เป็นนาฬิกาประดับเพชรที่ไม่ใช่สำหรับผู้หญิงซะทีเดียว แต่ผู้หญิงจะใส่ก็ได้แม้ตัวเรือนจะขนาด 50.0มิลลิเมตร ผลงานรุ่นนี้ผลิตจำกัดเพียง 18 เรือน ทั้งซับซ้อนด้วยกลไกทูร์บิญองและสวยตระการตาในสไตล์นาฬิกาประดับอัญมณี ตัวเรือนทองคำขาว 18kและพื้นหน้าปัดประดับเพชรรวมทั้งสิ้น 346 เม็ด น้ำหนักรวมเกือบ 20 กะรัต และยังมีทับทิม 12 เม็ด น้ำหนัก 1.49 กะรัต แทน 12 ตำแหน่งชั่วโมง และไพลิน 2 เม็ด แทนเข็มชั่วโมงและนาทีบนแผ่นดิสก์ ทำงานด้วยกลไกไขลาน ราคาเรือนละ 1,400,100 สวิสฟรังก์
VAN CLEEF & ARPELS รุ่นพิเศษอย่าง Jardin de Glace Secret Watch

เป็นอีกแบรนด์ที่เชี่ยวชาญทั้งงานเครื่องประดับชั้นสูงและเครื่องบอกเวลา และผสานสองความชำนาญในผลงานรุ่นพิเศษอย่าง Jardin de Glace Secret Watch ที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายเช่นกัน โดยได้แรงบันดาลใจจากฤดูที่หิมะโปรยปราย ในดีไซน์ที่ใช้รูปแบบหลากหลายที่ละเอียดอ่อน สะท้อนความหนาวเย็นของภูมิทัศน์ ตัวเรือนทองคำขาว 18k ประดับด้วยไพลินศรีลังกาเจียระไนทรงไข่น้ำหนัก 10.30 กะรัต และพลอยเจียระไนทรงมาคีส์และทรงแพร์ ทรงกลม รวมถึงหินล้ำค่าอย่างเทอร์คอยส์ และเพชรน้ำงามเจียระไนทรงสี่เหลี่ยม ทำงานด้วยกลไกควอตซ์ ราคา 990,000 สวิสฟรังก์ ผลิตเพียงเรือนเดียว
HUBLOT รุ่น Big Bang One Click Rainbow

HUBLOT ที่น่าจะเป็นแบรนด์นาฬิกาจริงจัง ไม่ใช่สายเครื่องประดับที่เข้ารอบสุดท้ายในกลุ่มนาฬิกาประดับอัญมณีปีนี้ ด้วยผลงาน Big Bang One Click Rainbow ที่โดดเด่นกับสีสันสดใสและจัดจ้านจากหินล้ำค่าที่เลือกสรรให้มีการไล่สีได้อย่างยอดเยี่ยม ตัวเรือน 38.0 มิลลิเมตรและพื้นหน้าปัดใช้อัญมณีมากถึง 425 เม็ดเจียระไนเหลี่ยมเกสรกับ 8 เฉดสีที่ได้จากทับทิม พลอยสีชมพู อเมทิสต์สีฟ้า โทแพซสีฟ้า โกเมน พลอยสีเหลืองและพลอยสีส้ม แต่ละเม็ดเรียงร้อยต่อกันราวกับสายรุ้งที่พาดผ่านเวลา จับคู่กับสายหนังจระเข้ผสานกับยางในสไตล์ ‘gummy’ เล่นเฉดสีไม่น้อยหน้ากัน พร้อมระบบเปลี่ยนสายแบบ One Click สิทธิบัตรเฉพาะของ Hublot ให้เปลี่ยนสายได้อย่างง่ายดาย ราคา 78,000 สวิสฟรังก์