ราชสกุล กุญชร ณ อยุธยา มาจากพระนามของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ากุญชร กรมพระพิทักษ์เทเวศร์ นเรศรราชรวิวงศ์ อิศวรพงศพิพัฒนศักดิ อุดมอรรควรยศ วงศประนตนาถนเรนทร์ พาหเนนทรบพิตร พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย และเจ้าจอมมารดาศิลา พระองค์เจ้ากุญชร ทรงเป็นปฐมวงศ์ของวังบ้านหม้อ และทรงมีพระทายาทสืบสานกันต่อมา โดยที่สมาชิกทุกคนยังสามารถอนุรักษ์รักษาวังให้คงอยู่สืบมาจนทุกวันนี้
HELLO! ได้รับโอกาสพิเศษจาก คุณอุบะ กุญชร ณ อยุธยา เชดเดน ทายาทรุ่นที่ 6 ให้เข้าพบ เธอมีสิ่งของที่ระลึกในราชสกุลกุญชรหลายชิ้นที่บรรพบุรุษมอบให้เธอดุจตัวแทนความรักที่ท่านมีกับเธอ และเธอก็เก็บรักษาดุจ ‘ถนอมรักภักกตัญญู’ มาจนถึงปัจจุบัน
คุณอ๊อบหยิบล็อกเก็ตอันแรกขึ้นมาพินิจ ออกแบบเป็นรูปอุบะแบบโบราณ อันตรงความหมายกับชื่อ “ชิ้นนี้ เดิมเป็นแหวนของพ่อปู่ (หม่อมหลวงวราห์ กุญชร) ตรงกลางเป็นแซฟไฟร์สลักรูป พระนารายณ์ในปางที่เป็นวราหะ หรือหมูป่าอยู่ตรงกลาง ปางนี้ทรงแปลงลงมาเพื่อปราบทุกข์เข็ญ ต่อมา พ่อปู่ก็เอาไปล้อมเพชรเม็ดเล็กๆ ให้เป็นอุบะ แปลว่า พวงดอกไม้ที่ร้อยเป็นพวง แล้วให้ดิฉันเมื่อตอนอายุได้ 6 เดือน”
“ชิ้นที่ 2 เป็นเข็มขัดทองคำแท้แต่โบราณที่พ่อปู่ทำให้ดิฉัน หัวเข็มขัดเป็นทรงกลม ตรงกลางเป็นอักษรย่อ ชื่อเดิมของท่าน (พ่อปู่) มีมงกุฎครอบอยู่ ตัวสายเข็มขัดเป็นชิ้นกลมๆ ต่อกัน ภายในชิ้นกลมๆ นี่มีตัวอักษร ชื่อของพ่อปู่คือ ‘วราหะ’ ที่ออกแบบเป็นรูปสามเหลี่ยม”
“ชิ้นที่ 3 สร้อยคอทองคำฝังเพชรแบบโบราณ แม่ย่า (ท่านผู้หญิงแฉล้ม กุญชร) มอบให้ดิฉัน ตอนที่ท่านเริ่มไม่สบาย ดิฉันว่าเป็นฝีมือของคนโบราณ ท่านซื้อมาจากร้านเพชร แต่ไม่รู้ว่าเป็นของใครมาก่อน”

“ชิ้นที่ 4 เข็มขัดทองคำเส้นนี้ พ่อปู่เป็นคนสั่งทำ แล้วนำมามอบให้ดิฉันโดยเฉพาะ ท่านบอกว่า เผื่อเอาไว้โตแล้วจะได้ใส่เข้าวัง ตัวสายเข็มขัดเป็นทองถัก หัวเข็มขัดเป็นรูปเศียรวราหะสวมมงกุฎ พ่อปู่เรียกว่า หมูทรงเครื่อง คือ เป็นรูปหัวหมูสวมมงกุฎ ประดับเพชรแท้ ดวงตาของหมูเป็นทับทิม ดิฉันเคยใส่รำละคร ตอนหลังมีคนมาขอยืมไปคาดเวลานุ่งผ้าซิ่นบ่อยๆ เข็มขัดเส้นนี้มอบให้ลูกสะใภ้คาดในวันแต่งงานเมื่อเดือนพฤศจิกายนนี้ด้วย”

“ชิ้นที่ 5 เข็มกลัดรูปช่อดอกไม้คริสตัล ก้านเกสรเป็นทอง ตัวเกสรเป็นเพชร ซึ่งมาจากร้านจิวเวลรี่ที่มีชื่อของเวียนนา แม่ย่าซื้อมาในช่วงไปเที่ยวที่นั่น ท่านไปดูพระราชวังเชินบรุนน์ แล้วไปเที่ยวร้านจิวเวลรี่ที่มีชื่อดังในย่านนั้น พอเจอเข้าก็ต้องตาต้องใจเลยซื้อมา ท่านรักมากเหลือเกิน ตอนหลังท่านก็ยกให้ดิฉัน”

“ชิ้นที่ 6 ล็อกเก็ตรูปช้างของเจ้าคุณทวด คือ เจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ ซึ่งท่านจะทำให้ลูกสาวทุกคน เพราะหางของช้างจะยกขึ้นเป็นรูปใบโพธิ์ แล้วงวงก็ไม่เหมือนใคร เป็นหยักๆ อันนี้เป็นของแม่ย่าที่มอบให้ ส่วนลูกชายได้รับไหมก็ไม่ทราบ ไม่เคยเห็นเลยค่ะ”

“ชิ้นที่ 7 เป็นเสมาทองคำพระปรมาภิไธยย่อ วปร. ประดับเพชร พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 พระราชทานแก่พี่อู๊ด คือ พ่อแท้ๆ ของดิฉัน ซึ่งมีชื่อจริงว่า ศิววงศ์ กุญชร ณ อยุธยา แต่พ่อปู่ห้ามไม่ให้เรียกว่า พ่อ เพราะดิฉันเป็นลูกพ่อปู่แล้ว เลยต้องเรียกว่า พี่อู๊ด ท่านได้รับพระราชทานเมื่อครั้งถวายตัวเป็นมหาดเล็กในรัชกาลที่ 6 สมเด็จพระศรีพัชรินทรา บรมราชินีนาถ พระพันปีหลวง พระราชทานชื่อว่า ศิววงศ์ และรับสั่งเรียกว่า ‘ไอ้อู๊ด’ เหมือนพ่อปู่ด้วย แล้วก็รับสั่งเรียก ‘ไอ้อู๊ด’ มาตลอด พอดิฉันเกิด พ่อปู่ไปบังคับจากพี่อู๊ดเอาเสมาฯ นี้ มาให้ดิฉัน (หัวเราะ)” นั่นเป็นความหมายโดยนัยว่า ‘พ่อปู่’ รักเธอเพียงใด ของชิ้นนี้ไม่เพียงจะเป็นพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ยังเป็นสื่อแทนความรักของท่านปู่และคุณพ่อรวมกัน ยามพูดถึงหรือได้หยิบจับเสมาชิ้นนี้ ใจจึงชื่นสุขและอบอุ่น

“ชิ้นที่ 8 เหรียญพระแก้วมรกต ดิฉันใส่มาตลอดชีวิต เหรียญนี้ไม่แน่ใจว่าในประเทศไทยจะมีใครที่มีเหรียญนี้เก็บไว้บูชาบ้าง ด้านหน้าเป็นพระแก้วมรกต ด้านหลังเป็นจักร จะทำขึ้นในโอกาสฉลองอะไรก็ ไม่ทราบ ได้ยินพ่อปู่บอกว่า ได้ผ่านพิธีพุทธาภิเษกที่ วัดพระแก้วมา และท่านประมูลมาได้ ตั้งใจเอามาให้ดิฉัน ตั้งแต่จำความได้ ก็ห้อยเหรียญพระแก้วมรกตนี้แล้ว มีความศักดิ์สิทธิ์มาก เมื่อตอนเด็กๆ ถูกกระชากสร้อยคอกี่ครั้งๆ ก็ไม่สำเร็จ คือ สายสร้อยถูกกระชากไป แต่เหรียญองค์ท่านกลับหล่นไปอยู่ในกางเกงหรืออย่างไร ก็จำไม่ได้ และยังคงอยู่กับดิฉันตลอดมา”

“ชิ้นที่ 9 เป็นสร้อยข้อมือเหรียญตราต่างๆ ซึ่ง เป็นของจริงนะคะ ไม่ได้ย่อส่วนลงมา พ่อปู่คงได้รับพระราชทานตั้งแต่ยังหนุ่มอายุราว 18 – 19 ปี ตอนตามเสด็จประพาสยุโรป ความที่ท่านยังอายุน้อย เลยได้รับพระราชทานเป็นชิ้นเล็กๆ มาทีละชิ้นมั้งคะ ท่านก็เอามาร้อยเอง แล้วท่านก็ใช้เป็นเครื่องแต่งตัวติดห้อยที่อกเวลาเต็มยศเข้าวัง แม่ย่าเอาไปทำเป็นสร้อยข้อมือแล้วมอบให้ดิฉันเป็นของขวัญวันเกิดเมื่อหลายปีมาแล้ว”

“ชิ้นที่ 10 ต่างหูรูปผีเสื้อ เป็นต่างหูคู่แรกในชีวิต พ่อปู่ทำให้ตอนอายุ 5 ขวบ เป็นรางวัลจากการรำละครครั้งแรก เพราะอยู่ในวังบ้านหม้อ ก็ได้เห็นเขารำกันมา แล้วดิฉันเองก็รำได้เลย ไม่ตั้งหัดกันนาน”

“ชิ้นที่ 11 แหวนรูปปูเป็นของพ่อปู่ที่ทำให้แม่ย่า เป็นของเล่นๆ เป็นแบบจิ๊กซอว์พัซเซิล ดึงออกมาได้ แต่เก็บคืนยาก จึงไม่อยากแกะ”

“และชิ้นสุดท้าย เป็นเข็มกลัดรูปพ่อปู่ พระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ ในช่วงที่ยังหนุ่ม น่าจะเป็นช่วงที่ดำรงตำแหน่งนายกวดหุ้มแพร แม่ย่าให้มาเมื่อตอนอายุ 12 ขวบ ดิฉันก็เก็บเอาไว้ระลึกถึงพ่อปู่เสมอ”
“ยังมีอีกหลายชิ้นที่เก็บเอาไว้ในเซฟของธนาคาร เพราะของทุกชิ้นที่ได้รับมา อาจจะราคาไม่ได้สูง แต่เป็นของเก่าที่มีคุณค่าทางจิตใจ ประเมินมูลค่าไม่ได้ ถ้าไม่จำเป็น ดิฉันจะไม่นำออกมาใช้ เวลาหยิบออกมาดู ก็จะนึกถึงความทรงจำของสิ่งของเหล่านั้น แต่ละชิ้น ที่มีประวัติความเป็นมา ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักจากพ่อปู่และแม่ย่าค่ะ”
….เมื่อได้ฟังสิ่งที่คุณอ๊อบเล่ามาทั้งหมด คงประจักษ์แล้วว่าคุณอ๊อบยังคงทราบซึ้งและระลึกถึงพระคุณท่านผู้มอบให้เสมอมา