Home > Watches & Jewellery > อวัสดา ปกมนตรี สตรีผู้สืบสายโลหิตราชสกุลกิติยากร ไชยันต์ และขุนนางเขมร

อวัสดา แปลว่า ‘ผู้มีฐานะ และความเป็นอยู่อันสมบูรณ์พร้อม’ ค่ะ” นั่นคือคำอธิบายคำแรกจากคุณอวัสดา ปกมนตรี (จอย) ธิดาคนแรกของ หม่อมราชวงศ์กิติวัฒนา (อดีตรองประธานสตรีแห่งชาติและอดีต ส.ส. บัญชีรายชื่อ) กับคุณวุธจิระ ปกมนตรี

เมื่อชวนกันคุยถึงเครื่องประดับ คุณจอยบอกว่าแต่ละชิ้นที่เลือกมาล้วนเป็นชิ้นที่ครั้งใดหยิบจับ ก็ให้รู้สึกอบอุ่นใจและร่มเย็นเป็นสุขดุจอยู่ในร่มเงาแห่งรักและบารมีของบรรพบุรุษทั้งสายสกุลทางคุณแม่และทางคุณพ่อ ที่ต่างเป็นบุคคลสำคัญผู้มีคุณูปการยิ่งต่อแผ่นดินสยามและกัมพูชา

“สกุลทางคุณปู่ พระวิเศษพาณิช (ยศทางเขมร ชื่อไทยของท่านคือ คุณวิบูล ปกมนตรี) สืบสายลงมาจากท่านทวด ฟ้าทะละหะ (ปก) ซึ่งนับเนื่องขึ้นไปจนถึงต้นสมัยรัตนโกสินทร์ ท่านเป็นเสนาบดีคนสำคัญที่ทูลเชิญนักองค์เอง ยุวกษัตริย์ของเขมรที่ขณะนั้นมีพระชนมายุเพียง 4 พรรษาเข้ามาลี้ภัยอยู่ใต้พระบรมโพธิสมภารในรัชกาล ที่ 1 กระทั่งต่อมาเมื่อเหตุการณ์บ้านเมืองในเขมรสงบลง ก็ได้อัญเชิญนักองค์เองเสด็จกลับไป จนกระทั่งขึ้นเป็น พระเจ้าแผ่นดินเขมรในที่สุด” เป็นความสวามิภักดิ์สูงสุดชนิดถวายชีวิตเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายที่ฟ้าทะละหะ มอบแด่องค์พระมหากษัตริย์ แน่นอนว่าคุณงามความดีและความจงรักภักดีใน ครานั้นตรึงอยู่ในพระทัยของราชวงศ์เขมรเรื่อยมามิรู้ลืม

จึงเป็นที่เลื่องลือกันว่าคุณจอยในฐานะหลานสาวของคุณปู่ ได้รับ ‘สิ่งตกทอด’ มามากมายมหาศาล ทว่าสิ่งที่คุณจอยนำมาให้ชมในวันนั้นเป็นเฉพาะเครื่องประดับชิ้นที่มีคุณค่าทางใจ ซึ่งเป็นเครื่องระลึกถึงความรักแห่งบรรพบุรุษที่รุ่นคุณปู่คุณย่าคุณตาคุณยายมีให้แก่คุณจอยนับแต่ จำความได้

“พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิวัฒนไชย (พระนามเดิม หม่อมเจ้าวิวัฒนไชย ไชยันต์) กับท่านยาย หม่อมเจ้าหญิงพัฒน์คณนา (กิติยากร) ไชยันต์ ‘เสด็จทวด’ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้า ไชยันต์มงคล กรมหมื่นมหิศรราชหฤทัย (พระราชโอรสในรัชกาลที่ 4) ได้ทรงสั่งทำเครื่องประดับชิ้นหนึ่ง ที่คุณจอยสวมติดกายมาตั้งแต่ยังจำความได้ เป็นจี้พระรูปในกรมหมื่นมหิศรฯ ชิ้นนี้เป็นของสั่งทำจาก Feberge และด้านหลังประกบไว้ด้วยรูปหม่อมส้วน ยุกตะเสวี ซึ่งเป็นหม่อมคนที่สาม จึงมีรูป ‘ร่วมกัน’ กับพระรูป ทว่าเพียงหม่อมส้วนให้กำเนิดโอรส พระองค์คือหม่อมเจ้าวิวัฒนไชย ได้เพียงสองปี ท่านก็จำต้องพาโอรสกลับเข้าไปอยู่ด้วยกันในพระบรมมหาราชวังตั้งแต่นั้นมา จี้ชิ้นนี้จึงเป็นอนุสรณ์เพียงชิ้นเดียวที่เสมือนจะผนึกเอาความรักของท่่านทวดทั้งสองที่ครั้งหนึ่งเคยมีต่อกัน”

นอกจากเข็มกลัดลงยาพระบรมฉายาลักษณ์ล้นเกล้าของรัชกาลที่ 4 (พระราชบิดาในกรมหมื่นมหิศรฯ) และของรัชกาลที่ 5 ที่ตกทอดมาถึงเธอ ยังมีเครื่องประดับอีกชิ้น ที่นำเรื่องราวชวนฉงนมาสู่เธอหลายครั้ง คือเสมา พระปรมาภิไธยย่อ จปร ลงยาพระราชทาน เมื่อตกทอดมาถึงคุณจอย เธอบอก

“ไม่กล้าอัญเชิญมาใช้บ่อย เพราะเป็นพระปรมาภิไธยซึ่งศักดิ์สิทธิ์และสูงส่ง เคยอัญเชิญ มาใช้บ้างแต่เกิดเหตุการณ์แปลกๆ อย่างเช่นนั่งอยู่ดีๆ ข้อเท้าก็เกิดเกร็งบิดจนเส้นยึด เดินไม่ได้เลย หรือจู่ๆ ที่เขี่ยบุหรี่แก้วในงานหล่นใส่เท้าจนนิ้วแตก อีกทีก็ขับรถ ไปเกิดอุบัติเหตุ เลยมานึกดูว่าการอัญเชิญมาติดในวาระ ที่ไม่ใช่พระราชพิธี หรือไม่ใช่งานแผ่นดินคงไม่เหมาะ”

“เราภูมิใจว่าแม้เราจะเป็นตระกูลที่ภาษาคนทั่วไปเขาเรียกว่า ‘เป็นเจ้า’ แต่เราเป็นเจ้าที่มีความขยันขันแข็ง มีความเพียร เล่าเรียนเขียนอ่าน และประกอบสัมมาชีพสุจริตเสมือนที่บรรพบุรุษของเราเป็นแบบอย่างอันดีมาตลอด”

คุณจอยเองก็เป็นสตรีที่ไม่เคยหยุดนิ่ง เธอสร้างธุรกิจของตัวเอง และแสวงหาความรู้และความก้าวหน้าเสมอ เมื่อคุณจอยเข้าเพิ่มพูนความรู้ที่สถาบันพระปกเกล้า เมื่อปี พ.ศ. 2546 เธอก็ได้พบกับคุณอภิชาติ สุขแสวง หรือแอนดี้ ที่ปัจจุบันดำรงตำแหน่งกงสุลกิติมศักดิ์แห่งราชอาณาจักรเลโซโทประจำประเทศไทย ผู้ซึ่งเป็นสามีและคุณพ่อที่อบอุ่น อยู่เคียงข้างคุณจอยและลูกชายอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เครื่องประดับชิ้นเล็กๆ ชุด ‘ผีเสื้อน้อย’ ที่คุณจอยโปรดปราน ล้วนเป็นของกำนัลที่คุณแอนดี้มักหามาเติมลงใน ‘กล่องเครื่องประดับแห่งความรักและความทรงจำ’ ของภรรยาอยู่เนืองๆ ชีวิตเธอในวันนี้นับว่าสมบูรณ์พร้อมสมความหมาย ของชื่อที่ได้รับ ดั่งพรที่เป็นจริงทุกประการ

Never miss an update

Subscribe to our newsletter to get the latest updates.

No Thanks
You’re all set

Thank you for your subscription.