เอ็กซ์คลูซีฟกับความหรูหราเหนือกาลเวลาของ HUBLOT กับ 4 คอลเลกชั่นสุดพิเศษที่ส่งตรงจากดูไบ
ชมความงดงามของเหล่าเรือนเวลาคอลเลกชั่นพิเศษของ HUBLOT กับ 4 คอลเลกชั่นสุดพิเศษที่ส่งตรงจากดูไบ ซึ่งอูโบลท์ถือว่าเป็นเรือนเวลาสัญชาติสวิสฯที่ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1980 ซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะด้วยการผสมผสานระหว่างทองและยาง นำมาสู่ปรัชญา “ศิลปะแห่งการผสมผสาน” (“Art of Fusion”)

โดยเริ่มจาก HUBLOT BIG BANG SANG BLEU II LIMITED EDITION (อูโบลท์ บิ๊ก แบง แซง เบลอ ทู ลิมิเต็ด เอดิชั่น) กับการนำเสนอในโทนสีน้ำเงิน หรือ สีดำใหม่! ซึ่งมีวิวัฒนาการมาจากวิถีปฏิบัติที่ตกทอดมาแต่โบราณกาลสู่ปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรมทั่วโลกของศิลปะการสัก และในวันนี้ได้กลายเป็นอีกหนึ่งรูปแบบแห่งงานศิลป์ตามแบบฉบับเฉพาะของตน ซึ่งนาฬิกาสี่เวอร์ชั่นใหม่เหล่านี้ล้วนถ่ายทอดด้วยสีน้ำเงิน เปรียบเหมือนหมึกซึ่งใช้โดยสตูดิโอสัก อย่าง ‘แซง เบลอ’ โดยเป็นสีที่ปรากฏทั้งบนหน้าปัดและสาย ประดับตกแต่งด้วยใยของเส้นสายเรขาคณิต ที่ตัดพาดผ่านทั้งบนเข็มชี้ ขอบตัวเรือน และตัวเรือน ซึ่งมีให้เลือกทั้งในเวอร์ชั่นไทเทเนียม หรือคิง โกลด์ (King Gold) พร้อมด้วยการประดับหรือไม่ประดับอัญมณี และสง่างามภายใต้ตัวเรือนขนาดใหญ่ กับขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 45 มม. ที่บรรจุไว้ภายในด้วยกลไก ‘ยูนิโค แมนูแฟคเจอร์’ (Unico manufacture) คาลิเบอร์ เอชยูบี1240 (HUB1240) กลไกจักรกลไขลานอัตโนมัติโครโนกราฟที่มอบพลังงานสำรองได้ถึง 72 ชั่วโมง

อีกหนึ่งรุ่นที่เรียกว่าเป็นไฮไลท์ในงานนี้ HUBLOT SPIRIT OF BIG BANG MECA-10 (อูโบลท์ สปิริต ออฟ บิ๊ก แบง เมกา-10) ผลงานชิ้นใหม่ที่มีคุณสมบัติพิเศษสามารถสำรองผลงานได้นานถึง 10 วันด้วยการออกแบบในรูปทรงของ ‘ถังเบียร์’ ที่มีขนาดหน้าปัด 45 มม. อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของคอลเลคชั่น และมีให้เลือกถึงสามเวอร์ชั่น คือ ไทเทเนียม เซรามิกสีดำ และ คิง โกลด์ (King Gold) พร้อมทั้งสายยางชื่อดัง ที่อูโบลท์นับเป็นแบรนด์แรกผู้ซึ่งผสมผสานสายยางเข้ากับทอง และด้วยรูปลักษณ์ใหม่นี้ ทำให้ทีมวิศวกรไคิดค้นโครงสร้างของกลไกขึ้นมาใหม่ทั้งหมด เพื่อให้สามารถติดตั้งภายในพื้นที่ใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพทั้งในแง่เทคนิค เช่นกันกับ ความสมบูรณ์กลมกลืนจากมุมมองด้านความสวยงาม

และ HUBLOT CLASSIC FUSION GOLD CRYSTAL (อูโบลท์ คลาสสิค ฟิวชั่น โกลด์ คริสตัล) นับว่าเป็นผลงานศิลปะชั้นสูงบนหน้าปัดเรือนเวลารุ่นนี้เลยก็ว่าได้ เพราะภายในหน้าปัดของเรือนเวลารุ่นนี้ ศิลปินมีการนำเอาแผ่นทองมารังสรรค์ขึ้นเป็นผลงานศิลปะที่แต่ละเรือนมีเอกลักษณ์เฉพาะ โดยเน้นรูปของใบไม้ และธรรมชาติ ขึ้นอยู่ที่จิตนาการนับได้ว่าเป็นหน้าปัดทองในรูปแบบอันหายากที่สุดบนผืนโลก อย่าง โกลด์ คริสตัล (gold crystal) มาดูฏันที่ตัวเรือน ซึ่งเป็นเซรามิกสีดำของนาฬิกา คลาสสิค ฟิวชั่น โกลด์ คริสตัล และมีให้เลือกในขนาด 38 มม. หรือ 45 มม. พร้อมทั้งบรรจุด้วยกลไก เอชยูบี1112 คาลิเบอร์ (HUB1112 calibre) กลไกจักรกลไขลานอัตโนมัติที่มอบการสำรองพลังงานได้ 42 ชั่วโมง ประกอบเข้ากับสายหนังจระเข้สีดำเย็บลงบนยาง เพื่อให้สามารถสวมใส่ผลงานอันแสนล้ำค่าและหายากนี้ไว้บนข้อมือได้อย่างสง่างาม

ปิดท้ายด้วยรุ่นที่เรียกเสียงว้าวไม่น้อยกับ HUBLOT BIG BANG INTEGRAL (อูโบลท์ บิ๊ก แบง อินทิกรัล) ผลงานรุ่นใหม่ของนาฬิกา บิ๊ก แบง (Big Bang) เรือนแรกที่มาพร้อมสายสร้อยข้อมือโลหะแบบผสานเป็นครั้งแรก กับข้อสายแรกที่หลอมเข้ากับตัวเรือนอย่างสมบูรณ์ โดยสายสร้อยข้อมือแบบผสานนี้ยังหมายถึงตัวเรือนสไตล์ใหม่ น้ำหนักที่เบาของสายที่ทำขึ้นจากโลหะไทเทเนี่ยม ทำให้เราตื่นเต้นไม่น้อย แต่ยังคงไว้ด้วยรหัสอันเป็นเอกลักษณ์ของ อูโบลท์ (Hublot) นั่นคือ หนึ่งเดียวและแตกต่าง (UNIQUE & DIFFERENT) เรียกว่าเป็นตัวแทนถึงจิตวิญญาณแห่งอูโบลท์ พร้อมทั้งใช้วัสดุที่เป็นไอคอนิก ทั้งเซรามิกสีดำ, คิง โกลด์ (King Gold) หรือไทเทเนียม โดยการเปิดตัวใหม่ครั้งนี้ประกอบไปด้วยนาฬิกาสามรุ่น ซึ่งรวมไปถึงรุ่นผลิตจำนวนจำกัด 500 เรือนของเวอร์ชั่น ออล แบล็ก (All Black) อุทิศให้กับคอนเซ็ปต์ “invisible visibility” ที่เปิดตัวแนะนำเมื่อปี ค.ศ. 2006