สำหรับแบรนด์อัญมณีชั้นสูงแห่งโรมัน ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ ด้วยสัญลักษณ์รูปงู และคอลเลกชั่น B.zero1 ที่ถ่ายทอดผสมผสานระหว่างเส้นสายอันลื่นไหล และเด็ดเดี่ยวของโคลอสเซียม (Colosseum) แห่งกรุงโรม ไม่ต้องเดาให้วุ่นงวายค่ะ เพราะเรากำลังพูดถึงแบรนด์ BVLGARI (บุลการี)
และสำหรับคอลเลกชั่นล่าสุด ‘บุลการี แบรนด์ แคมเปญ แมกนิฟิกา 2021’ (2021 Bvlgari Brand Campaign MAGNIFICA) ซึ่งเผยแพร่นับตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมานั้น ผลงานใหม่ล่าสุดที่นำเสนอผ่านหญิงสาวเจเนอเรชั่น ซี ที่มาพร้อมกับพรสวรรค์ และความมุ่งมั่นไม่เคยย่อท้อที่จะจุดประกายเส้นทางแห่งความสำเร็จของตนแม้ในสาขาที่ต่างกัน ด้วยเสน่ห์แห่งความสามารถอันแสนพิเศษและความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวอย่างแท้จริง ผ่าน 4 หญิงสาว 4 คาแร็กเตอร์



นักแสดงสาวสวยที่โลดแล่นอยู่ในวงการฮอลลีวู้ด ซึ่งนับได้ว่าเป็นครั้งที่ 2 แล้วกับการร่วมงานกับ BVLGARI. โดยถ่ายทอดถึงสัญลักษณ์แห่งความเข้มแข็ง เปี่ยมด้วยพลังอำนาจและเปิดกว้างเพื่อค้นพบสิ่งใหม่ๆ เธอคือต้นกำเนิดแห่งแรงบันดาลใจให้กับผู้ติดตามมากกว่า 90 ล้าน เช่นเดียวกับเป็นแรงบันดาลใจสำหรับช่างอัญมณีแห่งโรมันอย่างบุลการี
วิตตอเรีย เซเรตติ (Vittoria Ceretti)


นางแบบสาวที่เฉิดฉายในทุกรันเวย์ทั่วโลกด้วยวัยเพียงแค่ 14 ปี กับเสน่ห์แห่งความงดงามล้ำเลิศและลึกลับน่าค้นหา เธอได้ถ่ายทอดถึงทัศนคติและมุมมองที่มีเพียงบุลการีเท่านั้นที่จะสามารถสร้างแรงดลใจนั้นได้
Lisa BlackPink หรือ ลลิษา มโนบาล (Lalisa Manoban)




แฟชั่นไอคอน และสมาชิกวงดนตรีผู้สร้างปรากฏการณ์อันโด่งดังระดับโลกด้วยวัยเพียงแค่ 24 ปี ลิซ่าเป็นอีกหนึ่งสาวที่มีสไตล์โดดเด่น โดนได้เลือกสวมใส่บุลการีในแบบของเธอเอง และสร้างให้ทุกๆ ภาพถ่ายของแคมเปญนี้กลายเป็นเวทีที่พร้อมจุดประกายแสงสว่างอันเจิดจ้าโดยการปรากฏตัวอย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะของเธอ จากการแสดงออกอันกล้าหาญและมีความพิเศษเฉพาะตัวของเธอเองนั้นได้มาบรรจบอย่างสมบูรณ์แบบกับการผสมผสานระหว่างความหาญกล้าและสง่างามสูงสุดที่บุลการีเองถ่ายทอดถึงเช่นกัน


ซูเปอร์โมเดลสาวที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวบุลการีเป็นปีที่หกแล้วในวันนี้ และยังคงสร้างความหลงใหลให้กับผู้ชมทั่วโลกของเธอเสมอ ด้วยพลังแห่งชีวิตที่ไม่มีใครเสมอเหมือน เช่นเดียวกับเสน่ห์อันเย้ายวนใจและเปี่ยมไปด้วยพลังด้านบวกของเธอ
สำหรับ แมกนิฟิกา (Magnifica) บุลการีได้นำโรมมาสู่สายตาทั่วโลกอีกครั้ง ภายใต้ฉากบรรยากาศอันเหมือนฝันมากที่สุด ที่ซึ่งเหล่าสุภาพสตรีทั้งสี่คนได้เข้าสู่ฉากและมอบซึ่งจิตวิญญาณอันเป็นอิสระสู่ความปรารถนาของพวกเธอเอง กับความฝันและความเป็นจริงที่ถ่ายทอดสู่ความสวยงามอันเสรีและความสนุกสนานเบิกบานใจอย่างแท้จริง รวมถึงความหนักแน่นของช่วงขณะเวลาและความสง่างามอันไร้กาลเวลาที่เติมเต็มซึ่งกันและกันภายใต้ฉากที่อยู่เหนือซึ่งขอบเขตและเวลา โดยผ่านหลากหลายมุมมองอันลึกลับซ่อนเร้น และรูปปั้นอันเย้ายวนใจที่ดูคล้ายกับถูกปลุกให้มีชีวิต กับสวนอีเดนสมัยโบราณที่บานสะพรั่งไปด้วยมวลดอกไม้สดใสในทุกๆ วัน ที่เปรียบเหมือนดั่งพรมแดนแห่งความเป็นไปได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด