บ่อยครั้งที่อัญมณีถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นเครื่องมือในการเปรียบเปรยความงามของเหล่าสตรีเพศ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้หญิงส่วนใหญ่จะหลงใหลในความงดงามของอัญมณี เฉกเช่นเดียวกับผู้หญิงในครอบครัวอังคเศกวิไล ที่ตกหลุมรักอัญมณีทุกชนิดมาตั้งแต่สมัยรุ่นคุณยาย ต้นตำรับของผู้หญิงที่แต่งตัวแบบครบเครื่อง ทั้งเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับ ต้องพร้อมสรรพสวยงามสำหรับทุกวัน ซึ่งใครได้เห็นต่างชื่นชมในรสนิยมที่ดีของคุณยายมาโดยตลอด และสิ่งนี้ก็ได้รับการถ่ายทอดมาถึงลูกๆ และหลานๆอย่างมิต้องสงสัย
และวันนี้ HELLO! ได้รับเกียรติจาก ‘คุณอมรรัตน์ อังคเศกวิไล’ คุณแม่ผู้รักเครื่องประดับเป็นชีวิตจิตใจของ ‘น้องจิ-จิราภรณ์ อังคเศกวิไล’ มาแชร์เรื่องราวที่มาของเครื่องประดับสุดรักสุดหวงแต่ละชิ้นที่ได้สะสมมาอย่างยาวนานโดยเฉพาะเครื่องประดับแบรนด์ดังสัญชาติอิตาเลียนที่ใช้เทคนิคงานฝีมือโบราณมาสร้างสรรค์ เช่น บุลการี (BVLGARI) ที่คุณแม่อมรรัตน์มักมอบเป็นของขวัญให้ลูกสาวทั้งสี่ในหลายวาระโอกาสเสมอมา
“เรื่องการแต่งตัวเรื่องเครื่องประดับนี่ดิฉันจะได้จากคุณแม่มาอีกทอดหนึ่งค่ะ ซึ่งเป็นคุณยายของลูกๆ คุณแม่ท่านรักสวยรักงามชอบใส่เครื่องประดับ ท่านเป็นคนใส่เครื่องประดับเยอะมาก ต่างหู สร้อยคอ สร้อยข้อมือ เข็มกลัดติดเสื้อ แหวนต้องใส่ทั้งสองข้างข้างซ้ายต้องวงใหญ่มากๆ แล้วท่านมีลูกสาวทั้งหมด 5 คน ทุกคนรวมทั้งดิฉันก็จะมีความชื่นชอบเรื่องเพชรพลอยเหมือนกันหมดค่ะ”

เวลาซื้อเครื่องประดับดิฉันจะเน้นเรื่องราคาสมเหตุสมผล ถ้าใส่แล้วต้องสวยด้วย และใช้งานได้จริง อย่างแหวนแพงไม่ว่า ขอสวย
หลังจากเรียนจบแล้วกลับมาทำงานธุรกิจของครอบครัวอยู่พักใหญ่ในตำแหน่งผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ รับผิดชอบทางด้านการตลาดสินค้านำเข้าและงานประชาสัมพันธ์ ก่อนที่จะผันตัวไปทำธุรกิจของตัวเอง โดยรับตำแหน่งเป็นจิวเวลรี่ดีไซเนอร์ และผู้ก่อตั้งแบรนด์กิมจิโอโลจี้ (KIMJIOLOGY)

“ตอนเรียนจบมาแรกๆ จิก็จะช่วยงานที่บ้านค่ะดูเรื่องสินค้านำเข้าและประชาสัมพันธ์ โดยเป็นคนติดต่อพวกสแนคต่างๆ เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย เอาเข้ามาเสริมกับโปรดักส์ของที่บ้าน จิช่วยธุรกิจของที่บ้านมา 9 ปี ระหว่างนั้นก็ทำจิวเวลรี่ออกมาขายบ้าง แต่พอมาตอนหลัง ด้วยความที่ชื่นชอบจิวเวลรี่มากและอยากทำอย่างจริงจัง ก็เลยหันมาทำธุรกิจจิวเวลรี่ของตัวเองอย่างเดียวเลยค่ะ”
“จิทำแบรนด์กิมจิโอโลจี้มาได้ 4 ปีแล้ว ตอนแรกก็เริ่มจากทำเครื่องประดับพวกพลอยและมุก มาลองใส่เองก่อนค่ะ หลังจากนั้นก็เริ่มมีคนมาสั่งซื้อ และเมื่อก่อนจะมีวางขายตามโรงแรมต่างๆ เช่น โรงแรมแกรนด์ไฮแอท โรงแรมเชอราตัน และมีป๊อปอัพสโตร์ที่เซ็นทรัลชิดลมด้วยค่ะ แต่ตอนหลังๆ ไลฟ์สไตล์ลูกค้าเริ่มเปลี่ยนไป เราเลยมาขายทางออนไลน์ ในไอจีเฟสบุ๊ก กับออกงานแฟร์ตามประเทศต่างๆ เช่นสิงคโปร์ ฮ่องกง มาเลเซีย ฯลฯ และในอนาคตอาจจะมีขยายตลาดเพิ่มในแถบเอเชีย หรือตะวันออกกลางด้วย เพราะตลาดในยุโรปสถานการณ์ยังไม่ค่อยดี หรือถ้าจะไปเปิดตลาดที่จีนก็ดูเสี่ยงไปหน่อย เพราะช่างจีนฝีมือด้านจิวเวลรี่เขาดีมากและราคาไม่แพงด้วยนอกจากนั้นแบรนด์เรายังมีรับสั่งทำด้วยนะคะ”ด้วยความหลงใหลในอัญมณีและต้องการทำธุรกิจด้านนี้อย่างจริงจัง เธอจึงไปต่อยอดความรู้เพิ่มเติมที่ประเทศสิงคโปร์มาด้วย
และสุดท้ายในฐานะที่สาวสวยผู้มากความสามารถคนนี้ทำงานในวงการจิวเวลรี่ เราเลยถามถึงเคล็ดลับการดูแลเครื่องประดับว่ามีวิธีการอย่างไรบ้าง
“พยายามหลีกเลี่ยงน้ำหอม ครีมทาผิว หรือสเปรย์ฉีดผมค่ะ เมื่อใช้แล้วควรล้างทำความสะอาดและเช็ดให้แห้ง ถ้าเป็นงานซิลเวอร์ที่ชุบพิงก์โกลด์สีอาจจะเปลี่ยนตามการใช้งานหรือเหงื่อของเรา ก็ต้องทำความสะอาดอยู่เสมอ ที่จริงการเก็บเครื่องประดับควรใส่ถุงซิปล็อกจะดีที่สุดค่ะเพราะอากาศเข้าไม่ได้ สีเลยไม่ค่อยเปลี่ยน หรือถ้าจะเก็บใส่กล่อง อาจจะใส่ถุงซิปล็อกก่อนชั้นนึงก็จะดีเหมือนกัน ถ้าเป็นมุก อย่าพยายามเก็บใส่กล่องกำมะหยี่ เพราะว่าบางทีกล่องกำมะหยี่จะมีน้ำยา หรือสารในกล่องอาจจะทำให้สภาพมุกเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ”
ภายใต้ความงดงามของอัญมณี ยังมีเรื่องราวลึกซึ้ง
ที่สื่อถึงความรักความผูกพันของ ‘ครอบครัวอังคเศกวิไล’
ไว้อย่างงดงามไม่แพ้อัญมณีเลยทีเดียว
……………………………………….
Cr.Photos : วรวุฒิ ชัยกิตติกรณ์, MAKE-UP & HAIR: ณัฐวรรธน์ ธัญญะบุณย์