Home > Watches & Jewellery > เผยโฉมคอลเลกชั่น Limelight Gala เรือนเวลาแห่งความหรูหรา ในแบบฉบับกูตูร์ ฉลองครบรอบ 50 ปี

เป็นเวลา 50 ปีแห่วความสำเร็จ ผ่านเส้นทางอันหรูหรา และปราณีตตั้งแต่ ปี 1969 ที่แบรนด์เรือนเวลาหรูอย่าง เพียเจต์ (Piaget) ได้เผยโฉมคอลเลกชั่น  Limelight Gala ที่เต็มไปด้วยความล้ำสมัยหรือที่ใครต่างขนานนามว่า เป็นคอลเลกชั่นแห่งศตวรรษ ที่ 21 กับผลงานการออกแบบที่หลอมรวมคอนเซ็ปต์ และกลิ่นอายของ ความเป็นกูตูร์จากรันเวย์ ที่ผสมผสานหินสีล้ำค่าบนพื้นหน้าปัด และนี่ได้กลายเป็นไอเดียฐานราก ที่ปูทางไปสู่ซิกเนเจอร์ สไตล์ของเมซง รวมถึงคอลเลกชั่น ที่เจิดจรัสมาจวบจนปัจจุบัน

 Limelight Gala

หากย้อนไปถึงจุดเริ่มต้นแห่งเรื่องราวความสำเร็จของคอลเลกชั่นในช่วงยุค 1970s ต้องขอบคุณความ
เพรียวบางอันน่าเหลือเชื่อของกลไก 9P ที่เมซงพัฒนาอย่างอุสาหะและเปิดตัวในปี 1957 เพราะด้วยความ
หนาเพียง 2 มิลลิเมตร

นอกจากพลิกหน้าประวัติศาสตร์ของเมซง ณ ขณะนั้น ยังส่งให้นาฬิกามีพื้นที่หน้าปัด ที่กว้างขึ้น จนเพียงพอต่อการนำเอาหินมีค่าต่างๆ มาประดับ การต่อยอดการสร้างสรรค์นี้กลายเป็นสีสันใหม่ ที่ส่งมอบทั้งความแตกต่าง และสร้างความเฉพาะตัวให้กับแบรนด์ โดยเฉพาะกลุ่มเรือนเวลา ที่เปิดตัวในปี 1973 หรือเกือบ 4 ปีให้หลังนับตั้งแต่เมซงปล่อยคอลเลกชั่น แห่งศตวรรษที่ 21

แม้ดีไซน์ของเรือนเวลาที่รังสรรค์ออกมาในปี1973 จะโดดเด่นด้วยเส้นสายที่สะดุดตาของขอบตัวเรือนแบบ
ไม่สมมาตรที่โอบล้อมหน้าปัดทรงกลมไว้ได้อย่างแสนขบถ แต่ถึงอย่างนั้น ชื่อของคอลเลกชั่น Limelight
Gala กลับไม่ได้ถูกกำหนดมาตั้งแต่แรก

 Limelight Gala

ภายหลังเมื่อพินิจถึงความสง่างามที่ไม่ธรรมดานี้กลับพบว่าเรือน เวลาดังกล่าวมักเป็นที่หมายปองและปรากฎอยู่บนข้อมือของเหล่าสุภาพสตรีที่เฉิดฉายท่ามกลางงานปาร์ตี้ งานเต้นรำ งานเลี้ยงอาหารค่ำไปจนถึงงานกาล่า เรียกได้ว่า เป็นเรือนเวลาแห่งแฟชั่นที่ถ่ายทอดนิยามของ อิสตรีผู้สวมใส่ได้อย่างชัดเจน จนกลายเป็นชื่อเรียกของคอลเลกชั่น Limelight Galaตั้งแต่นั้นมา

ในโอกาสพิเศษฉลองครบรอบ 50 ปี ของคอลเลกชั่น Limelight Gala (1973-2023) เพียเจต์เผยโฉม 2 เรือนเวลาใหม่ ที่ยังคงเปี่ยมด้วยเสน่ห์, สุนทรียภาพอันทรงพลัง, ความหรูหราในแบบฉบับกูตูร์ พร้อมด้วยนวัตกรรมที่ถูกปรับแต่งให้เข้ากับยุคสมัย กับ Limelight Gala Precious watch ตัวเรือนไวท์โกลด์

ขนาด 32 มม. ที่มาพร้อมพื้นหน้าปัดอีนาเมลในเฉดสีน้ำเงินเขียว และขอบตัวเรือนประดับซาวอไรต์
แซฟไฟร์และเพชร ขณะที่ตัวเรือนพิงค์โกลด์ขนาด 26 มม. แพทเทิร์นหน้าปัดมาในดีไซน์เดียวกับสายรัด
ข้อมือ จับคู่ขอบตัวเรือนประดับเพชร

ซึ่งแม้ทุกองค์ประกอบจะหลอมรวมจิตวิญญาณของรุ่นบุกเบิกไว้อย่างแนบแน่น แต่ถึงอย่างนั้นไอเดียในการ
ผสมผสานหรือแนวคิดในการออกแบบยังเป็นสิ่งที่ช่างฝีมือในเมซงเลือกเดินได้อย่างอิสระ ตั้งแต่สายนาฬิกา
อาทิดีไซน์แบบเมลานีสที่ช่างฝีมือนำทองคำแท่ง มาผ่านกระบวนการบัดกรี จนได้เส้นสายที่บางเบา ราวกับ
เส้นไหม จากนั้นจึงถักทอทีละเส้น ด้วยมืออย่างวิจิตรบรรจง ก่อเกิดผลลัพธ์ที่เบาสบาย เมื่อยามสวมใส่ หรือ
จะเป็นสายที่แกะสลักด้วยเทคนิคแบบดั้งเดิมอย่าง Palace Décor ที่แบรนด์บ่มเพาะความเชี่ยวชาญ มาอย่าง
ยาวนาน

 Limelight Gala


ขณะที่หน้าปัดยังคงเปล่งประกายด้วยสีสันสดใส ตามแบบฉบับยุคก่อน โดยมีขอบตัวเรือนที่ตกแต่งด้วยหินสี
หรืออัญมณี โอบล้อมไว้อย่างเพอร์เฟกต์ ความท้าทายในแต่ละชิ้นงาน เรียกว่าไม่มีที่สิ้นสุด เพราะช่างฝีมือ
สามารถเลือกจับคู่วัสดุและโทนสี ที่หลากหลายจนกว่าจะได้คอมบิเนชั่นที่ลงตัวที่สุด คาแรคเตอร์สุดท้าย ที่
ขาดไม่ได้คือ ขาตัวเรือน ที่ตวัดขึ้นลงในทิศทางตรงกันข้าม ที่แม้ว่าเมซงจะสรรหาอัญมณีหายาก ร้อยเรียงใน
เฉดสีรุ้ง หรือแม้แต่เจียระไนทรงมาร์คีส์มาประดับ ขาตัวเรือนดังกล่าวก็ยังนำเสนอเส้นสาย ที่ไม่สมมาตรได้
อย่างสมบูรณ์แบบ

และนี่คือเรื่องราว 50 ปีแห่งความเจิดจรัสของเรือนเวลาที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างยิ่งจากคอลเลกชั่น
Limelight Gala


อ่านเรื่องราวดี ๆ เกี่ยวกับราชวงศ์ ทั้งไทย และ ต่างประเทศ เซเลบริตี้ ข่าวสารใหม่ ๆ และ เรื่องราวเกี่ยวกับ แฟชั่น สุขภาพ และความงามได้ที่ HELLO!

เปิดความรู้สึกของเหล่าผู้ได้รับรางวัล HELLO! Sustainability Award จากงาน H! List ปี 2023

‘วรัญญา ฉัตรพิริยะพันธ์ – กฤษฎิ์ ศุภเดชชูชัย’ จาก ความรัก สู่ของสะสม ที่มีเพียง ไม่กี่ ชิ้น ในโลก

เพราะความรัก ไม่ได้โรย ด้วยกลีบ กุหลาบ ‘เจ้าสัวบุญชัย-ตั๊ก บงกช เบญจรงคกุล’ กับ เส้นทาง ชีวิตคู่ ที่เปล่ง ประกายกว่า 10 ปี

Never miss an update

Subscribe to our newsletter to get the latest updates.

No Thanks
You’re all set

Thank you for your subscription.