Home > Watches & Jewellery > ศรัณญ อยู่คงดี ผู้สร้างเทรนด์ให้ชาวโลกอยากสวยแบบหญิงไทย

ศรัณญ อยู่คงดี หนุ่มวัย 33 ปี ใฝ่ฝันที่จะเป็นนักออกแบบตั้งแต่เด็ก เขาอ่านพิมพ์เขียวเป็นตั้งแต่ชั้นป.6 ของเล่นที่คุณแม่ซื้อให้เล่นคือสายวัด แปรงทาสี และเริ่มเป็นอินทีเรียร์ดีไซเนอร์สมัครเล่นซึ่งทำเงินแสนให้เขาตั้งแต่ ม.2 โดยการตกแต่งรีสอร์ตให้กับเพื่อนคุณแม่ และเขาเลือกเรียนศิลปะที่วิทยาลัยอาชีวศึกษาธนบุรี ต่อด้วยปริญญาตรีคณะวิทยาศาสตร์ สาขาวิชาวัสดุศาสตร์จากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตรท่ามกลางมรสุมทางการเงินของครอบครัวที่มีคุณแม่เป็นหัวเรือใหญ่ จนต้องเก็บเงินทั้งหมดส่งให้น้องสาวเรียนเพียงคนเดียว ส่วนเขานั้นต้องหาเงินส่งเสียตัวเองเพื่อเรียนหนังสือด้วยการส่งงานออกแบบเข้าประกวดจนได้เงินเป็นล้าน

“ผมไม่ได้อยู่กับคุณพ่อมาตั้งแต่เด็ก แต่ใช้นามสกุลของเขาจนกระทั่งเขาฟ้องร้องขอนามสกุลคืน วันที่ผมรู้สึกเจ็บนิดนึงคือวันที่ศาลสั่งให้ส่งนามสกุลคืนเขา ตอนบ่ายผมไปรับรางวัลเยาวชนดีเด่น และผมก็ตั้งกฎกับตัวเองว่าจะต้องให้เขามามองเราให้ได้ อีกสิบปีต่อมาเขามางานรับปริญญาของผมและขอให้ผมกลับไปใช้นามสกุลของเขา ผมบอกว่าผมไม่ต้องการเพราะผมคิดว่าผมไปด้วยตัวผมเองได้” เขาเล่าถึงความเจ็บปวดในวัยเด็กให้ฟังซึ่งกลับกลายเป็นแรงผลักให้เขาเดินหน้าอย่างรวดเร็ว และเติบโตทางความคิดไวกว่าเพื่อนฝูงในวัยเดียวกัน “เราสามารถมีวัยเด็กได้ตลอดชีวิต แต่วัยที่ทำให้เรามีความรับผิดชอบ ถ้าเรามีได้ไวเมื่อไรจะทำให้อนาคตของเราไปได้ไกลกว่าเดิม ผมใช้ประสบการณ์การใช้ชีวิตของคุณแม่เป็นเครื่องสอน เอาทุกอย่างมารวมกันและทำให้เป็นวิธีการของตัวเอง”

เขาเริ่มต้นอาชีพด้วยการออกแบบเฟอร์นิเจอร์และไปแสดงในงานแฟร์ที่ต่างประเทศ รวมทั้ง Maison& Object ที่ฝรั่งเศส โดยมีงานเครื่องประดับชิ้นเล็กๆ วางอยู่หน้าร้าน เพื่อตั้งใจให้เป็นของชำร่วยกับผู้มาสั่งซื้อเฟอร์นิเจอร์ของเขา แต่กลับกลายเป็นสิ่งที่เปลี่ยนชีวิตการทำงานของเขาไปเลย “ผู้หญิงฝรั่งเศสเดินเข้ามาถามว่าตุ้มหูคู่นี้ราคาเท่าไร เรายังไม่ได้ตั้งราคาก็มองตากับเพื่อน แล้วตอบไปว่า 5 พันบาท เธอบอกว่าพรุ่งนี้จะกลับมาใหม่ขอให้ช่วยดูราคาให้เหมาะสมด้วย วันรุ่งขึ้นเธอกลับมาจริงๆเพื่อนเขียนราคาผิดเพิ่มศูนย์ไปอีกหนึ่งตัวกลายเป็น 5 หมื่นบาท เธอสั่งสิบคู่ทันที เธอเป็นเจ้าของร้านจิวเวลรี่อยู่ในลูฟวร์ มิวเซียม” ต่างหูคู่นั้นทำเป็นดอกรักร้อยลงมา 3 ดอก ทำจากวัสดุที่เรียกว่า Fabric Felt โดยการใช้เศษผ้าและวัสดุเส้นใยมาอัดผ่านความร้อนสูงให้เป็นแผ่นบางๆ เหมือนกระดาษและพิมพ์ลายด้วยระบบอิงค์เจ็ตและใช้เทคนิคเลเซอร์คัต สามารถกันน้ำได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ มีน้ำหนักเบา มีอายุการใช้งานเกินยี่สิบปี และสามารถซึบซับกลิ่นน้ำหอมได้ด้วย

แรงบันดาลใจมาจากผู้หญิงไทยและวัฒนธรรมไทย

“ผมอยากเอาจิวเวลรี่สื่อสารความสวยของผู้หญิงไทย เราไม่ได้มองเรื่องของวัฒนธรรมเป็นอากาศ แต่สามารถนำมาเสกสรรปั้นแต่งได้คุณค่าของวัฒนธรรมมีรากเหง้ามาหลายร้อยปีนั่นคือความละเมียด” ดังนั้นการตั้งชื่อแบรนด์ว่า ‘สราญ’ จึงเหมาะสมที่สุดในความคิดของเขา “มีเสียงพ้องกับชื่อของผมด้วย และสราญหมายถึงความสุขในแบบฉบับไทยที่ไม่เหมือน Happiness และจริตของผู้หญิงสมัยก่อนจะไม่กรี๊ดกร๊าด ถ้ามีผู้ชายมาจีบ เธอจะแค่เอียงหน้าหลบ ยิ้มมุมปากเล็กๆ แล้ววางมือหลบให้รู้ว่าฉันระวังตัว แต่จริงๆ แล้วในใจอาจจะพองโตตื่นเต้นแต่เธอเก็บ นั่นคือเสน่ห์ของผู้หญิงไทยน่าค้นหา จะมีการปิดและเปิดในส่วนที่พอเหมาะมันคือความสนุกที่จะค้นหาเขาตลอดเวลา “เราไม่ได้แค่ทำจิวเวลรี่ที่บ่งบอกความสวยงามในแบบไทยแต่เรากำลังพูดถึงสิ่งที่ผู้หญิงทั่วโลกต้องการคือความเป็นตัวตนความสง่างามในแบบฉบับของตัวเอง เรากำลังพยายามสร้างเทรนด์ใหม่ขึ้นมาว่าวันหนึ่งโลกต้องอยากสวยแบบผู้หญิงไทย”

ไม่ยากที่จะ GO INTER

ด้วยประสบการณ์ในการทำเฟอร์นิเจอร์ส่งออกและนำไปแสดงตามงานแฟร์ต่างๆ ทั่วโลก จึงไม่ยากที่เขาจะนำเทคนิคเหล่านั้นมาปรับใช้กับการเปิดตัวของ SARRAN ให้โด่งดังไปทั่วโลกโดยเปิดตัวในปี 2008 “คนทั่วโลกยอมรับว่าผู้หญิงเปรียบเหมือนดอกไม้ และ SARRAN คือของใหม่ แต่สิ่งที่ยากสำหรับผมคือปีที่สอง ความยากของมันก็คือความแตกต่างคืออะไร ปีแรกผมไปยุโรปแล้วได้ออร์เดอร์ใหญ่มา แล้วผมปิดเลย ผมกำหนดว่าในหนึ่งปีเราจะต้องเซ็นสัญญากับเอเจนต์แค่ 1 ราย ใน 1 ประเทศ เพราะผมไม่อยากให้มัน เป็น mass product และอีกอย่างหนึ่งคือทุกช็อปของจะไม่เหมือนกันเลย และให้แต่ละช็อปสั่งของได้ไม่เกินสิบชิ้น หมดแล้วให้สั่งใหม่และไม่ให้สั่งแบบเดิม ลูกค้าจะได้พยายามมาดูอยู่เรื่อยๆ มันจะมีความท้าทาย เหมือนนางไม้ เรามาแวบนึง หมดเราหายไป เพราะฉะนั้นคุณต้องเข้าป่าลึกไปเรื่อยๆ จึงจะเจอแบรนด์ของเรา เราคือสิ่งที่สวยงาม น่าหลงใหล แต่เราไม่จีรังเราไม่ถาวร แล้วทุกคนก็จะบอกว่าเสียดายจัง เมื่อไรจะมาใหม่ผมอยากให้ความเป็นไทยไปอยู่ต่างแดน อยากไปอยู่ในที่ที่เขาให้เกียรติผู้หญิงไทยมากที่สุด”

งานของเขาเกือบทุกชิ้นจะเป็น Limited Edition แต่ละชิ้นจะมีซีเรียลนัมเบอร์ประกอบ นอกจากจะมีเสน่ห์และสวยงามแบบไทยแล้ว ‘สราญ’ ยังมีกลิ่นหอมอีกด้วย เพื่อตอบโจทย์ของผู้ที่ผิวแพ้น้ำหอม และหากเป็นลิมิเต็ดเอดิชั่นก็จะออกแบบกลิ่นน้ำหอมให้เข้ากับบุคลิกของคนๆ นั้นเพื่อนำมาอบจิวเวลรี่ตามวิธีการอบร่ำแบบไทยเดิม และให้ขวดน้ำหอมแก่ลูกค้าไปอบร่ำต่อด้วยตัวเองอีกด้วย

ปัจจุบัน SARRAN เผยโฉมอยู่ในกว่า 20 ร้านทั่วโลกเพื่อให้ชาวโลกได้รู้จักกับความสง่างามแบบเอเชียและได้เป็นเจ้าของจิวเวลรี่ที่มีเอกลักษณ์ของไทย สมกับปรัชญาที่เขาตั้งไว้ว่า Every Woman Deserves Elegance

(สำหรับสาวไทยที่อยากจะรู้จักกับ SARRANให้มากขึ้นก็คอยดูตามเอ็กซิบิชั่นต่างๆ หรือติดตาม IG: SARRANOFFICIAL)

Never miss an update

Subscribe to our newsletter to get the latest updates.

No Thanks
You’re all set

Thank you for your subscription.