The Jewellery of Legends Collection คอลเลกชั่นเครื่องประดับที่รวบรวม 3 สุดยอดความงามอัญมณีในตำนาน ‘เพชรโกลคอนดา ไข่มุกบาสรา มรกตแพนจ์เชียร์’ ซึ่งเคยเป็นส่วนหนึ่งในคอลเลกชั่นเครื่องเพชรของมหาราชา โดยโลตัส อาร์ต เดอร์ วีฟว์ (Lotus Arts de Vivre) ร่วมกับ พัดมา เจมส์ (Padma Gems) แบรนด์สุดยอดตำนานแห่งวงการอัญมณีและเครื่องประดับเลอค่าจากประเทศอินเดีย นำความงดงามอลังการของอัญมณีทั้ง 3 นำมาดีไซน์ใหม่ แต่ยังคงความงดงามของอัญมณีอย่างยอดเยี่ยม
และวันนี้เฮลโลจะพาไปเปิดที่มาของ 3 สุดยอดอัญมณีระดับตำนานที่เจาะลึกลงไปถึงประวัติศาสตร์ ที่มาของ ‘เพชรโกลคอนดา ไข่มุกบาสรา มรกตแพนจ์เชียร์’
เพชรโกลคอนดา เป็นเพชรที่มาจากแหล่งผลิตเพชรที่ใหญ่ที่สุดในโลกและโด่งดังที่สุดในศตวรรษที่ 16 -17 จากรัฐโกลคอนดา ประเทศอินเดีย มีลักษณะพิเศษคือ เป็นเพชรที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและมีคุณภาพประกายสุกใสกว่าเพชรจากเหมืองอื่นๆ จนเรียกว่าเป็นยอดเพชรของอินเดียเลยก็ว่าได้ ในศตวรรษที่ 19 เพชรโกลคอนดาเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก จนถูกนำไปทำเครื่องประดับมากมาย
หนึ่งในนั้นคือ โคอินัวน์ เพชรสุดอื้อฉาวของโลก ที่มีประวัติเปลี่ยนมือกันยาวนานกว่า 100 ปี เริ่มแรกโคอินัวร์มีขนาด 187 กะรัต ถูกเปลี่ยนมือมาเรื่อยๆ จนในปี 1849 มีผู้นำเพชรโคอินัวน์ไปถวายแก่สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียแห่งสหราชอาณาจักร ซึ่งตอนนั้นเจ้าชายอัลเบิร์ต พระราชสวามีไม่พอพระทัยในลักษณะของเพชร จึงนำไปเจียระไนใหม่จนเหลือ 105.6 กะรัต ปัจจุบัน เพชรโคอินัวร์เป็นส่วนหนึ่งของเครื่องราชกกุธภัณฑ์แห่งสหราชอาณาจักร และเก็บไว้ที่ Tower of London
นอกจากโคอินัวร์แล้ว ยังมีเพชรโกลคอนดาที่ลือชื่ออื่นๆ เช่น เพชรโฮป (Hope Diamond) สีฟ้าเทา ขนาด 45.52 กะรัต ปัจจุบันเป็นสมบัติของพิพิธภัณฑ์ สมิธโซเนียน ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา ดาเรียอินัวร์ (Daria-i-Noor) เพชรสีชมพูที่ใหญ่ที่สุดในโลกและยอดเพชรแห่งราชวงศ์โมกุล ขนาด 182 กะรัต มีขนาดไล่เลี่ยจากโคอินัวร์ ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องราชกกุธภัณฑ์ของอิหร่าน และเพชรสีเขียว เดรสเดน กรีน (Dresden Green Diamond) ขนาด 41 กะรัต เก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑ์เมืองเดรสเดน ประเทศเยอรมนี ปัจจุบันเพชรโกลคอนดาไม่สามารถหาได้อีกแล้ว
ไข่มุกบาสรา (Basra Pearls) มีต้นกำเนิดมาจากอ่าวเปอร์เซีย เป็นไข่มุกธรรมชาติ หายากและเก่าแก่เกิดจากหอยนางรมเพียงชนิดเดียวที่พบในบริเวณอ่าวเปอร์เซีย มีจุดเด่นคือน้ำหนักเบา มีแสงเงาที่เกิดจากน้ำจืดและน้ำเค็มมาผสมกันอย่างเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ น่าเสียดายที่อุตสาหกรรมการผลิตน้ำมันได้ทำลายระบบนิเวศของอ่าวเปอร์เซีย ส่งผลให้มุกธรรมชาติอันมีค่าถูกทำลายไปมาก
-9 เครื่องประดับหยก เสริมความโชคดี จากแบรนด์ Lotus Art De Virve
ด้านประวัติศาสตร์ไข่มุกบาสรามีความเกี่ยวข้องกับ มหาราชาแห่งรัฐบาโรดา (Maharaja Khanderao Gaekwad of Baroda) ในปี 1865 พระองค์ได้สั่งทำพรมงามมหัศจรรย์ ปักลายเถาวัลย์และไม้ดอกอย่างวิจิตรด้วยมุกคุณภาพเลิศกว่า 1.5 ล้านเม็ด เสริมด้วยมรกต เพชร และแซฟไฟร์ ผลิตโดยช่างฝีมือชั้นเอกจากราชสำนักโมกุล เพื่อนำถวายพระศาสดามะหะหมัด ณ นครมะดีนะฮ์ (Medina) ในปี 2019 พรมผืนนี้ได้ถูกประมูลผ่านบริษัท Sotheby’s ไปในราคา 5.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ปัจจุบันจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติของประเทศกาตาร์
มรกตแพนจ์เชียร์ (Panjshir Emeralds) เป็นมรกตจากหุบเขามรกตแพนจ์เชียร์ ในเขตเทือกเขาฮินดูกูช ประเทศอัฟกานิสถาน ได้ชื่อว่าเป็นมรกตที่ดีที่สุดในโลก เพราะมีสีเขียวบริสุทธิ์และสีจัดกว่ามรกตจากโคลอมเบีย เนื่องจากมีธาตุโครเมียมในปริมาณที่มากกว่า มรกตที่พบในประเทศอื่นนั้นเกิดจากโครเมียมทำปฏิกิริยากับเหล็กเกิดเป็นมรกตสีเขียวอมฟ้า
ปัจจุบันแหล่งผลิตมรกตแพนจ์เชียร์ในประเทศอัฟกานิสถาน ยังคงเปิดดำเนินการ แต่ระยะหลังมรกตแพนจ์เชียร์กลับเป็นที่รู้จักน้อยกว่ามรกตจากโคลอมเบีย เนื่องจากสาเหตุทางการเมืองเป็นหลัก ทำให้การเดินทางเข้าออกบริเวณนี้ไม่ปลอดภัย และลักษณะภูมิประเทศและระดับความสูงของเหมือง ที่ 4,000 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการเดินทาง มรกตแพนจ์เชียร์จึงเป็นอัญมณีหายาก และเป็นที่ต้องการของนักสะสมอัญมณี
สำหรับผู้ที่อยากเข้าชมและเป็นเจ้าของเครื่องประดับชิ้นหายากที่ทำจาก ‘เพชรโกลคอนดา ไข่มุกบาสรา มรกตแพนจ์เชียร์’ เปิดโอกาสให้ให้ชาวไทยได้ครอบครองและชมความงามคอลเลกชั่น The Jewellery of Legends Collection แล้ว ณ โลตัส อาร์ต เดอร์ วีฟว์ บูทีค ชั้น 1 โรงแรม อนันตรา สยาม กรุงเทพฯ