Home > Watches & Jewellery > Watches > รวมพลสิ่งประดิษฐ์ชั้นสูง กับ 17 นาฬิกาที่ควรสะสม แห่งปี 2566

คนเราทุกคน ล้วนแต่เป็นนักสะสมของบางอย่างที่มีคุณค่า แต่สิ่งหนึ่งเลยที่ HELLO! มั่นใจว่า เป็นของสะสมที่มีมูลค่สูง และนอกจากจะสะสมแล้ว ยังเหมาะสำหรับการลงทุนอีกด้วย นั่นก็คือนาฬิกานั่นเอง และเนื่องด้วยโอกาสครบรอบ 17 ปี ของ HELLO! ประเทศไทย เราจึงขอมารวบรวม นาฬิกาที่ควรสะสม ถึง 17 เรือน โดยเรามั่นใจเลยว่า จะเป็นเรือนที่ควรค่าแก่การลงทุน สำหรับปี 2566 อย่างแน่นอน

สำหรับ นาฬิกาที่ควรสะสม ต้องบอกว่า ไม่ได้เป็นเพียงแต่การสะสม เพื่อส่งต่อเป็นมรดกล้ำค่าเท่านั้น แต่ยังสามารถมองได้ว่า เป็นการนลงทุน เพราะนาฬิกานั้น สิ่งประดิษฐ์ชั้นสูงเพียงไม่กี่อย่าง ที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นเมื่อกาลเวลาผ่านพ้นไปอีกด้วย ดังนั้น ถ้าหากมองในเชิงการลงทุนทางทรัพย์สิน เราก็ขอบอกเลยว่า เรือนเวลาที่เราเลือกคัดสรรมานั้น มีแนวโน้มที่ดี ที่จะมีมูลค่าสูงในอนาคตอีกด้วย!


1 /17

Girard-Perregaux : Laureato Green Ceramic Aston Martin Edition

นับเป็นครั้งแรกสำหรับ ลอรีอาโต (Laureato) กับการมาพร้อมตัวเรือนและสายสร้อยข้อมือเซรามิกสีเขียว โดยนับเป็นความร่วมมือครั้งล่าสุดระหว่าง จีราร์ด-แพร์โกซ์ และแบรนด์สัญชาติอังกฤษอย่าง แอสตัน มาร์ติน (Aston Martin) สองบริษัทที่ได้ออกแบบผลิตภัณฑ์ซึ่งเป็นดั่งตัวแทนถึงการทดสอบแห่งเวลา

วัสดุที่นำมาใช้ในการผลิตนาฬิกายังมีความทันสมัยพิเศษ เพื่อแสดงความเคารพแด่หัวใจอันเป็นแก่นแท้ นับตั้งแต่การเปิดตัวครั้งแรกของ ลอรีอาโต เรื่อยมา โดยนำเสนอผ่านตัวเรือนสองขนาด (42 มม. และ 38 มม.) แต่ละเวอร์ชันผลิตขึ้นในจำนวนจำกัด และรังสรรค์ขึ้นโดยคงไว้ซึ่งความพิเศษที่หาชมได้ยาก

2 /17

Hermès Horloger : Arceau Wow

มอบความสง่างาม ผ่านสีสันในวัยเด็ก เมื่อแอร์เมส ออร์โลเฌอร์ (Hermès Horloger) หลงใหลการนำรูปทรงมาสร้างสรรค์ผลงานจากกลิ่นอายความทรงจำอันยาวนานของบรรดาเกมสำหรับเด็ก พร้อมกับการผสมผสานระหว่างสีสันและขนาด ที่วันนี้ แอร์เมส ได้มอบชีวิตชีวาใหม่ ให้กับนาฬิกาผ่านความงามในรูปแบบสีสันอันสนุกสนานและมีเอกลักษณ์หนึ่งเดียว เป็นอีกเรือนยที่มีความสดใหม่ แต่สามารถสื่อความเป็นแบรนด์แอร์เมสได้อย่างสนุกสนาน เหมาะให้สะสม

เรือนเวลา พร้อมด้วยตัวเรือน อาร์โซ (Arceau) ที่ออกแบบขึ้นโดย อองรี ดอริญี (Henri d’Origny) ในปี ค.ศ. 1978 นี้ มาพร้อมสองเวอร์ชันโดยการขับเคลื่อนของกลไกจักรกลไขลานอัตโนมัติชุดเดียวกันใน แมนูแฟคเจอร์ เอช1912 (Manufacture H1912) โดยเวอร์ชันแรกมาพร้อมหน้าปัดในโทนสีชมพูอ่อน ขณะที่เวอร์ชันที่สองเลือกใช้เฉดสีฟ้าน้ำเงินมากกว่า ทั้งคู่ลงตัวกับสายหนังวัวแอร์เมส ที่แต่ละเวอร์ชันของรุ่น อาร์โซ ว้าว (Arceau Wow) รังสรรค์ขึ้นจากไวท์โกลด์สง่างาม พร้อมด้วยขอบตัวเรือนประดับเพชร 82 เม็ด ผลิตในจำนวนจำกัดเพียงเวอร์ชันละ 24 เรือน

3 /17

Breguet : REINE DE NAPLES 8918 Light Rose Enamel

เรือนเวลา REINE DE NAPLES 8918 โฉมใหม่ สวยสง่า คลาสสิกดั่งเรือนเวลาของปริ๊นเซส กับตัวเรือนโรสโกลด์ 18K ด้านหลังกรุแซฟไฟร์ขอบหน้าปัดด้านนอกและด้านในประดับเพชร 117 เม็ด สายยางเคลือบลงยาสีชมพูอ่อนด้วยเทคนิค “grandfeu”(กรองด์เฟอ) ซึ่งหลายท่านทราบดีอยู่แล้วว่า REINE DE NAPLES 8918 เป็นรุ่นที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน ดังนั้นในเชิงมูลค่าแล้ว ยิ่งน่าลงทุนเข้าไปใหญ่

ตัวเรือนโรสโกลด์ 18K ด้านหลังกรุแซฟไฟร์ขอบหน้าปัดด้านนอกและด้านในประดับ เพชร117 เม็ด เม็ดมะยมประดับเพชร หน้าปัดเคลือบลงยาสีชมพูอ่อน ด้วยเทคนิค “grand feu” (กรองด์ เฟอ) กรอบหน้าปัดทรง off-centered ตัวเลขอารบิกในแบบฉบับเบร์เกต์ ประดับเพชรทรงหยดน้ำ กลไกข้ึนลานอตัโนมัติ สายหนังลูกวัว ตัวล็อกสายประดับเพชร 28 เม็ด และกันน้ำได้ 3 บาร์ (30 ม.)

4 /17

OMEGA : Aqua Terra Shades

เรือนเวลาอีกเรือน ที่นอกจากจะสง่างามแล้ว ยังสามารถเป็นเครื่องแสดงตัวตน ด้วยเฉดสีที่หลากหลายของ Aqua Terra Shades และยังคงความยูนีคของแบรนด์ Omega ด้วยหน้าปัดซันบรัชได้เป็นอย่างดี

มีให้เลือกทั้งในขนาด 34 หรือ 38 มม. ส่งมอบตัวเลือกที่หลากหลายให้ผู้ซื้อเลือกสรรค์ว่าแบบใดจะเหมาะกับสไตล์ของตัวเอง ด้วยหน้าปัดแบบซันบรัชเฉดสีพาสเทล เช่น สี Atlantic Blue, สี Bay Green หรือสี Terracotta

5 /17

Blancpain : Fifty Fathoms Bathyscaphe Quantième Complet

เรียกได้ว่า นาฬิกาดำน้ำ นั้นมีประวัติศาสตร์ของการพัฒนาที่มีมาอย่างยาวนาน ซึ่งในปัจจุบัน กลายมาเป็นฟังก์ชันแห่งความล้ำสมัย เฉกเช่น Blancpain Fifty Fathoms Bathyscaphe นาฬิกาใต้ผืนน้ำในตำนาน ที่พลิกโฉมสู่ความเป็นสไตล์ New Sporting Vibrance ดูหรูหรา โดดเด่นเฉพาะตัว

นาฬิกาสปอร์ตดำน้ำ ซึ่งผสมผสานไว้ด้วยความซับซ้อน ของฟังก์ชันแสดงปฏิทิน complete calendar โดยประกอบด้วยการแสดงวัน เดือน และวันที่ รวมถึงการแสดง ข้างขึ้น-ข้างแรม (moon phase) แบบดั้งเดิม ย้ำถึงแนวคิดของ Bathyscaphe ในการเป็นนาฬิกาสำหรับสวมใส่ และใช้งานได้ทุกโอกาสในชีวิตประจำวัน สำหรับการตีความใหม่นี้ ได้ถ่ายทอดผ่านสองรูปลักษณ์ใหม่ ทั้งเวอร์ชัน เรดโกลด์ และ ไทเทเนียม เกรด 23 ถือว่า เป็นการออกแบบที่พลิกโฉมใหม่ ให้สามารถสวมใส่ได้ในทุกวัน แต่ยังคงเอกลักษณ์ฟังก์ชันการเป็น นาฬิกาดำน้ำ

6 /17

Rado : Captain Cook High-Tech Ceramic Diver

สำหรับนักสะสม ที่เป็นสายแอดเวนเจอร์ และอยากหาเรือนเวลาคู่ใจสักเรือน ก็ต้องไม่พลาดที่จะมี Captain Cook High-Tech Ceramic Diver จากแบรนด์ Rado ที่เป็น เรือนเวลาหรูของสายลุย ให้คุณพร้อมออกเผชิญหน้าทุกความท้าทาย ไม่ว่าจะเป็นในชีวิตประจำวัน หรือในวันที่อยากออกผจญภัยตามธรรมชาติก็ตาม

มาพร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัย ที่ช่วยให้นาฬิการุ่นคลาสสิก สำรองพลังงานได้นานถึง 80 ชั่วโมง และกันน้ำได้ ตามมาตรฐาน ISO 6425 โดยนาฬิกาสัญชาติสวิส ที่บรรจงประดิษฐ์ขึ้นอย่างชำนาญนี้ ขึ้นชื่อเรื่องความน่าเชื่อถือมาตลอด ทั้งด้านกลไกการเดินของ Rado R763 และด้านวัสดุ ที่ตัวเรือน เป็นไฮเทคเซรามิกแบบชิ้นเดียว ทนทานต่อรอยขีดข่วน ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ และมีความคงทนสูงมาก

7 /17

Frederique Constant : HIGHLIFE WORLDTIMER

เรือนเวลาหน้าปัดลูกโลก แสนไอคอนิก ของ Frederique Constant กับรุ่น Highlife Worldtimer เรียกได้ว่าเป็นรุ่นยอดนิยมของแบรนด์ ที่ประสบความสำเร็จมาหลากหลายแบบ ซึ่งเป็นนาฬิกาเชิงสปอร์ตลักซ์ชัวรี่ ที่แน่นอนว่า ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี ก็จะยังคงความคลาสสิก และสมควรมีเก็บไว้สักเรือน

มากับฟังก์ชั่น Worldtimer บอกเวลาแต่ละไทม์โซน 24 ชั่วโมง หน้าปัด Sapphire ตัวเรือนมีให้เลือกถึงสามแบบทั้งแบบ Stainless Steel และสายหนัง ขนาด 41 มิลลิเมตร หนา 12.9 มิลลิเมตร กันน้ำลึก 50 เมตร

8 /17

Cartier : Tank Française

ไม่ว่าคุณจะเป็นสาวก Cartier (คาร์เทียร์) หรือเป็นนักสะสมนาฬิกา ชื่อเรือนเวลาที่โลดแล่นอยู่ในแวดวงมาตลอดหลายทศวรรษก็คือนาฬิกาตระกูล Tank (แทงก์) ที่แหวกกรอบดีไซน์นาฬิกาจากหน้าปัดทรงกลมสู่ทรงสี่เหลี่ยม และหนึ่งในรุ่นที่ได้รับความนิยมมาเกือบสามสิบปีก็คือ Cartier Tank Française (คาร์เทียร์ แทงก์ ฟรองเซส์) ที่ปีนี้กลับมาดึงดูดสายตาทุกคู่อีกครั้งด้วยกลิ่นอายความงดงามฉบับฝรั่งเศสขนานแท้

ในปี 2023 นี้เองที่ดีไซน์แบบ โมโนบล็อก (Monobloc) อันโดดเด่นของ แทงก์ ฟรองเซส์ ได้ถูกหยิบมาปฏิวัติใหม่จนเป็นเวอร์ชั่นล่าสุด ภายใต้แนวทางที่ครอบคลุมทั้งด้านสุนทรียะและแง่การใช้งาน ได้รับการออกแบบมาถึง 3 ขนาด สำหรับขนาดเล็กและขนาดกลางใช้การเดินเวลาแบบกลไกควอตซ์ ขณะที่ขนาดใหญ่ใช้กลไกจักรกล ไขลานอัตโนมัติ ทุกรุ่นสามารถทนแรงดันน้ำได้ประมาณ 30 เมตร มีให้เลือกทั้งแบบตัวเรือนสตีลและตัวเรือนเยลโลว์โกลด์ ทั้งแบบประดับเพชรและสไตล์เรียบหรู

9 /17

LONGINES : PILOT MAJETEK

นาฬิกานั้น ถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งในการแสดงตัวตนของคุณ ซึ่งสำหรับเหล่านักเหินฟ้า ที่ชื่นชอบในการบินนั้น ต้องห้ามพลาดที่จะสะสม Longines รุ่น PILOT MAJETEK คือการหวนคืนสู่การออกแบบนาฬิกาสำหรับการบินซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในหมู่คนรักนาฬิกา โดยเรือนเวลารุ่นใหม่นี้ได้ผสมผสานจิตวิญญาณแห่งการผจญภัยเข้ากับแง่มุมเชิงประวัติศาสตร์ แต่ยังคงรักษาความงดงามทางสุนทรียะในสไตล์ยุคศตวรรษที่ 21 และประสิทธิภาพเชิงเทคนิค

มีขอบตัวเรือนแบบหยัก (fluted bezel) ที่สามารถปรับหมุนได้สองทิศทาง ประดับอยู่บนตัวเรือนสตีลทรงคุชชั่น สะท้อนให้เห็นถึงเอกลักษณ์นาฬิกาแบบดั้งเดิมจากปี 1935 ที่มอบแรงบันดาลใจให้กับนาฬิกาเรือนนี้ซึ่งถูกสร้างสรรค์ขึ้นพิเศษสำหรับกองทัพอากาศ Czechoslovak Air Force

10 /17

Grand Seiko : SBGC253

สง่างามดั่งสิงโต สำหรับเรือนนี้ เป็นหนึ่งในคอลเลกชั่นสปอร์ตที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสิงโตแห่ง Grand Seiko งเป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์นับตั้งแต่การเปิดตัว Grand Seiko ครั้งแรกในปี 1960 ดีไซน์ซีรีส์ใหม่ได้นำความล้ำหน้าที่แตกต่างมาสู่นาฬิกาสปอร์ต ตัวเรือนที่แข็งแกร่งและมีเหลี่ยมมุมดุจกรงเล็บ ขาตัวเรือนปัดลายเส้นแบบแฮร์ไลน์ สร้างความโดดเด่นจากพื้นผิวที่ถูกขัดเงาด้วยเทคนิคซารัตสึ และลวดลาย แผงคอสิงโต” อันละเอียดอ่อนของผิวหน้าปัดที่สงวนไว้เฉพาะกับตัวเรือนรูปทรงนี้เท่านั้น ด้วยความงามและความแข็งแกร่งของสิงโตที่ถูกถ่ายทอดผ่านลวดลายบนพื้นผิวสีขาวงาช้าง หน้าปัดจึงให้ความรู้สึกอบอุ่น และทำให้รู้สึกถึงพลังได้ในทันทีด้วยการสะท้อนแสงจากทุกมุม ก่อให้เกิดความสว่างที่เงียบสงบ ซึ่งเป็นคุณลักษณะที่โดดเด่นของ Grand Seiko

นาฬิการุ่นนี้ สามารถกันน้ำได้ถึง 20 บาร์ เพื่อให้มั่นใจว่ามีประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับกิจกรรมกีฬาทุกประเภท เข็มชั่วโมงและเข็มนาทีถูกออกแบบให้อ่านค่าเวลาได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ตลอดจนหลักชั่วโมงที่มีขนาดกว้าง ช่วยเสริมความชัดเจนให้อ่านค่าเวลาได้ในทันทีอีกด้วย ตัวเรือนและสายถูกสร้างขึ้นจากไทเทเนียมชนิดความหนาแน่นสูง น้ำหนักเบากว่าสเตนเลสสตีลถึงประมาณ 30%

11 /17

BVLGARI : Serpenti Tubogas

สำหรับ BVLGARI SERPENTI Tubogas แล้วนั้น มั่นใจเลยว่าต้องมีหลายท่านที่มีติดกรุอยู่แล้ว เพราะไม่ว่าจะเก็บไว้ตั้งโชว์ หรือใส่ออกงาน ก็ย่อมขโมยสายตาของผู้คนมากมาย ด้วยทรงที่งูพันคอมือที่เป็นเอกลักษณ์ของบุลการี โดยรอบหน้าปัด ที่เป็นส่วยหัวของงู โดดเด่นไปด้วยการประดับไปเพชร รอบหน้าปัดสีเลื่อมดำ และยังเพิ่มความโดเด่นด้วย แร่ Rubellite บริเวณที่ปรับเวลาอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นเรือนที่สวยจับใจจริงๆ

เรียกได้ว่าหลังจากที่เรือนนี้ ได้ถูกสวมใส่โดยผู้มีอิธิพลมากมาย รวมไปถึง ลิซ่า แห่ง BLACKPINK ก็ทำเอาราคาพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก ใครที่ยังไม่มีติดตัวไว้ ต้องรีบคว้ามาไว้ให้ได้เลย!

12 /17

Frank Muller : The Master Square

เรียได้ว่า The Master Square เป็นดั่งนางเอกของแบรนด์ Frank Muller ที่มาพร้อมกับความ Aesthetically Pleasing กับความสมมาตรในทุกมุมเป็นสไตล์การออกแบบ แบบ Art Deco ผสานกับลวดลายกิโยเซ่อันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ ซึ่งในรุ่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์ไหน ก็ควรจะมีเก็บไว้อย่างยิ่ง

13 /17

Rolex : Cosmograph Daytona

สำหรับนักสะสม จะไม่พูดเรือนนี้ก็ไม่ได้ เพราะนับว่าขึ้นแท่นเป็นเรือนเวลาที่ ติดอันดับ Top 10 รุ่นหายาก และ ณ ปัจจุบัน ก็ยังคงเป็นนาฬิกาแพงที่สุดอันดับ 3 ซึ่งเปิดตัวในปี 1963 ผ่านงานดีไซน์ที่มุ่งตอบสนองความต้องการของนักแข่งรถมืออาชีพ นาฬิกาที่รวบรวมชื่อและฟังก์ชันเข้ากับโลกแห่งการขับรถแข่งสมรรถนะสูง มากกว่า 50 ปีหลังจากการสร้างสรรค์ นาฬิกา Cosmograph Daytona ยังคงยืนหยัดสถานะการเป็นสุดยอดโครโนกราฟของนาฬิกาสปอร์ต

มาพร้อมกับ calibre 4130 หรือนาฬิกาโครโนกราฟกลไกการไขลานอัตโนมัติที่พัฒนาและผลิตขึ้นโดย Rolex งานสถาปัตยกรรมของนาฬิการุ่นนี้ประกอบด้วยชิ้นส่วนต่างๆ ซึ่งน้อยชิ้นกว่านาฬิกาโครโนกราฟมาตรฐาน ทำให้นาฬิกามีความน่าเชื่อถือเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยประหยัดพื้นที่ให้เพียงพอสำหรับเมนสปริงที่ใหญ่ขึ้น เพื่อความสามารถในการสำรองพลังงาน 72 ชั่วโมง

14 /17

GUCCI : TIMELESS DANCING BEES

ผึ้งตัวน้อย นับเป็นอีกหนึ่งไอคอนของแบรนด์ Gucci ที่มักเห็นได้บ่อยๆ ตามลวดลายต่างๆ แต่เมื่อมาอยู่บนเรือนเวลาเรือนนี้แล้ว ต้องบอกเลยว่าตระการตาอย่างมาก กับ นาฬิกาประดับเพชร ที่ได้รับการออกแบบอย่างละเอียดและใส่การแสดงความเคารพต่อสไตล์เครื่องประดับแบบสั่นอันเก่าแก่ เป็นที่ซึ่งอัญมณีได้รับการออกแบบมาอย่างประณีต ให้เคลื่อนไหวได้ตามจังหวะของผู้สวมใส่ ( en-tremblant )

หน้าปัดมีผึ้งทั้ง 12 ตัว ส่องประกายระยิบระยับอยู่รอบข้าง และรายล้อมไปด้วยเพชรประดับรอบหน้าปัด เพิ่มความหรูหรา และตอกย้ำการออกแบบเครื่องเพชรชั้นสูง อีกทั้งยังนำโอปอลล์สีหายาก ชมพูและเขียว มาเรียงต่อเป็นอิฐลายซิกแซกให้ความสวยแบบมีมิติ และฝาหลังเป็นกระจกเงา สามารถสลักข้อความหรือชื่อลงไปได้

15 /17

Chanel : PREMIÈRE ÉDITION ORIGINALE

ดีไซน์แปดเหลี่ยมของปลาซ ว็องโดม สัญลักษณ์แห่งความสมบูรณ์แบบด้านสถาปัตยกรรมและความคลาสสิกเหนือกาลเวลา ซึ่งสอดคล้องกับเสน่ห์เย้ายวน เป็นดีไซน์เป็นไอคอนฉบับหญิงสาวชาแนล เหมาะกับคุณผู้หญิงในทุกรุ่น

สายโซ่สตีลเคลือบด้วยเยลโลว์โกลด์ 18K (0.1 ไมครอน) ร้อยเข้ากับสายหนังสีดำ

16 /17

Greubel Forsey : Tourbillon 24 Secondes Architecture

Tourbillon 24 Secondes Architecture นาฬิกาของ Greubel Forsey เรือนเวลาที่ผสมผสานไปด้วยศิลปะและกลไกสุดล้ำ เรียกได้ว่าเป็นความกลมกลืนของพื้นผิว รูปทรง และกลไก ที่จัดวางเรียงกันอย่างสมบูรณ์บนหน้าปัดด้วยตัวเรือนที่โชว์ให้เห็นรายละเอียดภายในผ่านช่องขนาดใหญ่ เผยให้เห็นรูปทรงที่มีความโค้งมน พร้อมด้วยวงแหวนคริสตัลแซฟไฟร์ขนาดใหญ่ ห่อหุ้มจรดขอบทั้งหมดของตัวเรือน เพิ่มการมองเห็นรายละเอียดของชิ้นส่วนท่ีเล็กที่สุดของกลไกได้อย่างชัดเจน เสมือนการมองลงมายังเมืองเล็กๆที่อยู่บนข้อมือของคุณ

จุดเด่นของนาฬิกาเรือนนี้ นั้น คือการออกแบบโครงสร้างตามรูปทรงเลขาคณิต สร้างประสบการณ์สุดพิเศษ ด้วยรูปทรงโค้งมน ช่วยให้มั่นใจได้ในเรื่องของสรีระศาสตร์และการสวมใส่อันแสนสบายบนข้อมือ มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของฝาหลัง(47.05มิลลิเมตร) กว้างกว่าขนาดเส้นผ่านศูนยลางของขอบหน้าปัด(45มิลลิเมตร)

17 /17

CARL F. BUCHERER Manero Peripheral BigDate

นาฬิการุ่นใหม่ ที่ผ่านการตีความอย่างร่วมสมัย จากประเพณีการประดิษฐ์นาฬิกาสวิสดั้งเดิม พร้อมทั้งถ่ายทอดถึงการเป็นผู้นำในสาขาแห่งเทคโนโลยี peripheral นับเป็นนวัตกรรมบุกเบิกของแบรนด์ในการดีไซน์โรเตอร์แบบรอบวง เพื่อเปิดโชว์กลไกอย่าง caliber CFB A2011 ได้อย่างชัดเจน และยังคงประสิทธิภาพของการลานขึ้น ได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยกลไกลที่ชาญฉลาดนี้มองพลังงานสำรองนานถึง 55 ชั่วโมง มาพร้อมกับการแสดงพลังงานสำรอง ณ ตำแหน่ง 3 นาฬิกา บนหน้าปัด

ถ่ายทอดบุคลิกที่ได้มาจากมรดกอันภาคภูมิใจ ของแบรนด์ โดยหล่อหลอมภายใต้ตัวเรือนสเตนเลสสตีล ขนาด 41.6 มม . และหน้าปัดที่นำสีสันมาจาก นาฬิการุ่นประวัติศาสตร์ อย่างสีนิยมของ Manero PowerReserve Mr. Blue และ Mr. Green จับคู่มากับทั้งสายผ้า โทนสีเดียวกันกับหน้าปัดย่อย หรือ เลือกได้กับสายสเตนเลสสตีล

Never miss an update

Subscribe to our newsletter to get the latest updates.

No Thanks
You’re all set

Thank you for your subscription.