Home > Watches & Jewellery > Watches > ย้อนประวัตินาฬิกา Longines ประสิทธิภาพและความสง่างามที่ถูกสืบทอดมาตลอด 190 ปี

นอกจากบ่งชี้แต่ละวินาทีที่ผันเปลี่ยน ‘นาฬิกา’ ยังเป็นเครื่องประดับชิ้นสำคัญที่สะท้อนบุคลิกและตัวตนของผู้สวมใส่ ความลงตัวระหว่างประสิทธิภาพและสไตล์อันโดดเด่น จึงกลายเป็นเสน่ห์ที่ทำให้หลายคนถึงกับหลงใหลและชื่นชอบการสะสมเรือนเวลา ครั้งนี้ HELLO! ขอพาไปย้อนประวัติ Longines (ลองจินส์) นาฬิกาสัญชาติสวิตเซอร์แลนด์ ที่ถ่ายทอดทั้งประสิทธิภาพและความสง่างามเหนือกาลเวลามาตลอดระยะเวลาร่วม 190 ปี จนกลายเป็นแบรนด์นาฬิการะดับต้น ๆ ที่ครองใจคนทั่วโลกรวมถึงเซเลบริตี้ชาวไทยหลายคน

นาฬิกา Longines
โรงงาน Longines ในปี ค.ศ. 1950 /

จุดกำเนิดประวัติศาสตร์ Longines

นาฬิกา Longines ถือกำเนิดขึ้นในปี ค.ศ. 1832 ณ เมือง Saint-Imier ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดย Auguste Agassiz (ออกุสต์ อากาซิซ) ซึ่งก่อตั้งบริษัท Agassiz & Co. และดำเนินกิจการนาฬิกาด้วยวิธี ‘établissage’ คือให้ช่างที่เป็นชาวไร่ชาวนาผลิตชิ้นส่วนต่าง ๆ ส่งมายังบริษัท แล้วประกอบให้สมบูรณ์ก่อนนำไปจำหน่าย ต่อมาในปี ค.ศ. 1866 Ernest Francillon หลานชายผู้ก้าวเข้ามารับช่วงกิจการต่อจาก Auguste Agassiz ตัดสินใจซื้อที่ดินบนฝั่งขวาของแม่น้ำ Suze เพื่อจัดตั้งโรงงานที่สามารถประกอบนาฬิกาจนเสร็จสมบูรณ์ในที่เดียว พื้นที่บริเวณนั้นถูกคนท้องถิ่นเรียกว่า Les Longines หมายถึง “ทุ่งหญ้าที่ทอดยาว” และถูก Ernest Francillon นำมาใช้เป็นชื่อโรงงานในปี ค.ศ. 1867 โดยมีการนำเครื่องจักรกลมาใช้เพื่อยกระดับการผลิตนาฬิกาให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น

นาฬิกา Longines
Auguste Agassiz และ Ernest Francillon

ก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านการจับเวลา

นอกจากผลักดันให้วงการผลิตเรือนเวลาของสวิสที่จากเดิมใช้ระบบ établissage ให้เข้าสู่ยุคอุตสาหกรรม Ernest Francillon และ Jacques David วิศวกรผู้เป็นญาติซึ่งนั่งเก้าอี้ผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิค ยังพา Longines ก้าวเข้ามามีบทบาทในโลกแห่งการผลิตเรือนเวลาที่มีความแม่นยำสูง จากการนำเครื่องจักรกลมาใช้ในการผลิต โดยต่อมาในปี ค.ศ. 1878 มีการผลิตนาฬิกาที่มีกลไก ‘โครโนกราฟแบบไม่ซับซ้อน’ ภายใต้ชื่อ Caliber 20H นาฬิกาโครโนกราฟรุ่นแรกของ Longines ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในวงการแข่งม้าที่นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา หลังจากนั้นจึงมีการพัฒนาความเชี่ยวชาญมาเรื่อย ๆ และได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้จับเวลาอย่างเป็นทางการของการแข่งขันกีฬาหลายประเภททั้งการแข่งงม้า สกีอัลไพน์ ฟอร์มูล่าวัน ยิมนาสติก และกีฬาเครือจักรภพ (Commonwealth Games) เป็นต้น รวมถึงเป็นพันธมิตรกับสมาคมกีฬาระดับนานาชาติอีกจำนวนมาก

นาฬิกา Longines
Longines สนับสนุนการแข่งม้าข้ามเครื่องกีดขวาง

‘นาฬิกาทรายติดปีก’ เครื่องหมายการค้าที่เก่าแก่ที่สุดในโลก

รูปนาฬิกาทรายติดปีกถูกสลักบนกลไกนาฬิกาทุกเรือนนับตั้งแต่ Ernest Francillon ก่อตั้งโรงงานในปี ค.ศ. 1867 และมีการนำมาใช้ในโฆษณากีฬาแข่งม้าตอนปี ค.ศ. 1881 จนกระทั่งปี ค.ศ. 1889 มีการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าซึ่งประกอบด้วยชื่อ Longines และรูปนาฬิกาทรายติดปีก หลังจากนั้นจึงมีการพัฒนาสู่ปีกแบบ Pilot ที่มีความทันสมัยมากขึ้น และสอดคล้องกับอีกหนึ่งความสำเร็จจากการเป็นผู้ผลิตเรือนเวลาให้แก่ ‘สหพันธ์การบินนานาชาติ’ (International Aeronautical Federation) ในปี ค.ศ. 1919 พร้อมทั้งพัฒนาอุปกรณ์นำร่องที่แม่นยำและน่าเชื่อถือสูง เพื่อร่วมผจญภัยไปกับเหล่านักสำรวจและช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์

เจ้าแห่งเรือนเวลาผู้ครองรางวัลมากที่สุดในโลก

จากความมุ่งมั่นในการพัฒนาเรือนเวลาทั้งด้านการผลิตและเทคนิคทำให้โรงงานนาฬิกา Longines มีการขยายกิจการอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1870 จนถึงช่วงต้นศตวรรษที่ 20 โดยปี ค.ศ. 1911 โรงงานมีมากกว่า 1,100 คน และมีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ไปทั่วโลก นอกจากนี้การได้รับรางวัลจากการวิจัยทางเทคนิคเป็นจำนวนมากทำให้ Longines เริ่มเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ได้รับรางวัลมากที่สุดในนิทรรศการนานาชาติและระดับโลก จนถึงปี ค.ศ. 1929 ยังกวาดรางวัล Grand Prix ในนิทรรศการที่บาร์เซโลนามาอีกไม่ต่ำกว่า 10 รางวัล

Calibre 13.33Z

Calibre 13.33Z นาฬิกาข้อมือรุ่นแรก

ในปี ค.ศ. 1913 Longines พัฒนา Calibre 13.33Z กลไกรุ่นแรกที่ได้รับการออกแบบมาสำหรับนาฬิกาข้อมือโครโนกราฟชนิดปุ่มกดเดียว กลไกคุณภาพสูงรุ่นนี้มีขนาดเส้นผ่านสูงกลาง 29 มม. รวมถึงหน้าปัดย่อยจับเวลา 30 นาทีแบบชั่วขณะ ที่มีระดับความเที่ยงตรงมากถึง 1/5 วินาที

พิพิธภัณฑ์ Longines

พิพิธภัณฑ์ Longines รวบรวมประวัติศาสตร์ทรงคุณค่า

ในปี ค.ศ. 1992 มีการเปิดพิพิธภัณฑ์ Longines ขึ้นอย่างเป็นทางการ ณ สำนักงานใหญ่ ในเมือง Saint-Imier เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 160 ปี ภายในมีแกลเลอรีจัดแสดงความเป็นมาอันยาวนาน ต่อมาปี ค.ศ. 2012 มีการปรับโฉมใหม่เนื่องในโอกาสครบรอบ 180 ปี ให้พิพิธภัณฑ์มีความทันสมัย สามารถนำเสนอประวัติศาสตร์แบรนด์ในทุกแง่มุม ตั้งแต่คอลเล็กชั่นนาฬิการุ่นเด่น ๆ ในประวัติศาสตร์ ไปจนถึงภาพถ่าย โปสเตอร์ ภาพยนตร์ เหรียญรางวัล และบันทึกต่าง ๆ ที่เป็นการถ่ายทอดเรื่องราวและมรดกทางอุตสาหกรรมเรือนเวลี่ทั้งรุ่มรวยและน่าหลงใหล

Longines DolceVita คอลเล็กชั่นล่าสุด

Longines DolceVita ความสง่างามเหนือกาลเวลา

นอกเหนือจากเทคนิคและประสิทธิภาพที่แม่นยำและน่าเชื่อถือ Longines ยังพัฒนาดีไซน์นาฬิกาข้อมือทั้งสำหรับสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีที่มีสไตล์เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นมากมาย หนึ่งในคอลเล็กชั่นที่ประสบความสำเร็จอย่างมากคือ Longines DolceVita ที่ถูกรังสรรค์เป็นครั้งแรกในปีค.ศ. 1997 นำแนวคิดความสง่างามของการผลิตเครื่องบอกเวลามาตีความใหม่ในแบบที่ทันสมัย และยังมอบสัมผัสแห่งความมีระดับให้แก่ข้อมือผู้สวมใส่ โดยชื่อคอลเล็กชั่นได้แรงบันดาลใจมาจากคำว่า ‘Dolce Vita’ จากภาษาอิตาลี ที่มีความหมายว่า “ชีวิตแสนหวาน” สื่อให้เห็นถึงความอ่อนหวานแห่งชีวิต และรุ่นล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวไปนั้นมาพร้อมกับโทนสีที่ช่วยแต่งแต้มให้ชีวิตมีสีสันมากขึ้น

เรกเก้-ฌอง เพจ หนึ่งในแบรนด์แอมบาสเดอร์ Longines

Elegance is an Attitude

“ความสง่างามเป็นทัศนคติ” คือสโลแกนที่ Longines ใช้มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1999 เพื่อแสดงถึงปรัชญาของแบรนด์ที่มองว่า ‘ความสง่างาม’ ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของรูปลักษณ์ภายนอก แต่ต้องปรากฏอยู่ในทุกแง่มุมของตัวตนหรือการกระทำ เฉกเช่นแบรนด์ที่นอกจากรังสรรค์เรือนเวลาที่สวยงามเหนือกาลเวลา ยังอัดแน่นไปด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนาน การมีส่วนร่วมกับสังคมในด้านต่าง ๆ ตั้งแต่การบุกเบิกดินแดนไปจนถึงการสนับสนุนด้านกีฬา และที่แน่นอนคือประสิทธิภาพซึ่งถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง

ปรัชญา Elegance is an Attitude ถูกนำเสนอผ่านเรือนเวลาคอลเล็กชั่นต่าง ๆ รวมไปถึงแบรนด์แอมบาสเดอร์ผู้นำเสนอความสง่างามในแบบฉบับของตัวเองไม่ว่าจะเป็น เคท วินสเล็ต, เรกเก้-ฌอง เพจ, เอ็ดดี้ เผิง และ Suzy เป็นต้น ในขณะที่ประเทศไทยมีนักแสดงมากความสามารถอย่าง มาริโอ้ เมาเร่อ และ เก้า – สุภัสสรา ธนชาต ร่วมถ่ายทอดความสง่างามในฐานะ Friend of Longines.

Images Credit: www.longines.com/th

Never miss an update

Subscribe to our newsletter to get the latest updates.

No Thanks
You’re all set

Thank you for your subscription.