Home > Watches & Jewellery > ยลโฉม 6 เรือนเวลาใหม่จาก Cartier ที่เปิดตัวเป็นครั้งแรกในงาน Watches & Wonders 2023

เชื่อว่าเหล่านักสะสมนาฬิกาจะต้องไม่พลาดงานใหญ่ประจำปีอย่าง Watches and Wonders ที่จัดขึ้น ณ กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมาอย่างแน่นอน ซึ่งหนึ่งในแบรนด์ผู้ผลิตเรือนเวลาที่ชาว HELLO! ชื่นชอบและเป็นสาวกก็คือ Cartier (คาร์เทียร์) เราจึงไม่พลาดรวบรวม 6 นาฬิกาใหม่จาก Cartier ประจำปี 2023 มาให้ทุกคนได้ยลโฉมกันชัดๆ อีกครั้ง

นาฬิการุ่นใหม่ทั้ง 6 เรือนนี้ ล้วนแล้วแต่มาจากคอลเล็กชั่นชื่อดังของคาร์เทียร์ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น Tank เรือนเวลาแรกที่ หลุยส์ คาร์เทียร์ ทำนายว่าจะประสบความสำเร็จ หรือแม้แต่นาฬิกาที่ได้รับการตีความขึ้นใหม่อย่าง Pasha, Baignoire, Panthère และ Santos de Cartier จวบจนถึง Clash [Un]Limited ซึ่งทุกเรือนล้วนสะท้อนถึงการเดินทางของงานออกแบบและความคิดสร้างสรรค์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และจะเดินหน้ามุ่งสู่อนาคตอย่างไม่รู้จบ

1/6

TANK NORMALE

นาฬิกาใหม่จาก Cartier 2023

คอลเล็กชั่น Cartier Privé เปรียบเหมือนจุดนัดพบของเหล่านักสะสมทั่วโลก ที่แต่ละปีคาร์เทียร์จะคัดสรรเรือนเวลาหายากหนึ่งรุ่นเข้าสู่กรุเรือนเวลาเลอค่า โดยปีนี้คาร์เทียร์ได้เปิดตัว Tank Normale ผลงานชิ้นที่ 7 เข้าสู่คอลเล็กชั่น Cartier Privé ซึ่งนาฬิการุ่น Tank ถือได้ว่าเป็นผลงานที่โดดเด่นที่สุดรุ่นหนึ่งของเมซงและยังคงอยู่ในทำเนียบสุดยอดมาสเตอร์พีซของวงการนาฬิกา

Tank Normale ยังคงเอกลักษณ์หน้าปัดสี่เหลี่ยมเช่นเคย โดยเมซงหยิบยืดสัดส่วนและหน้าปัดแซฟไฟร์ทรงโดม (beveled) จากต้นฉบับ สำหรับรุ่น Hour/Minute สามารถเลือกได้ว่าจะเป็นวัสดุตัวเรือนทอง สายหนังจระเข้สีน้ำตาล หรือตัวเรือนแพลตตินัม สายหนังจระเข้สีดำ หรือแม้แต่สายแบบกำไลเยลโลว์โกลด์หรือแพลตตินัมขัดแต่งตามสไตล์ยุค 70

นอกจากนี้ เมซงยังผลิตรุ่นสเกเลตัน ที่ใส่กลไกเดินเวลาสเกเลตันและกลไกคอมพลิเคชั่น 24 ชั่วโมง โดยเข็มนาทีจะหมุนรอบหน้าปัดใน 1 ชั่วโมง ส่วนเข็มชั่วโมงจะหมุนรอบหน้าปัดใน 24 ชั่วโมง ไม่ใช่ 12 ชั่วโมงเฉกเช่นเรือนเวลาทั่วไป

ตัวเรือนถูกออกแบบให้สอดคล้องไปกับวิธีบอกเวลาอันโดดเด่น โดยช่างนาฬิกาได้เคลือบสีสะพานจักรสเกเลตันแบบไล่น้ำหนัก ด้วยเฉดสีเดียวกับที่ใช้ตกแต่งหน้าปัดทั้งครึ่งบนสำหรับบอกเวลาช่วงกลางวัน และครึ่งล่างสำหรับบอกเวลาช่วงกลางคืน

โดย Tank Normale รุ่นสเกเลตันผลิตออกมาเพียง 50 เรือนพร้อมสลักหมายเลขกำกับทุกเรือน สามารถเลือกได้ทั้งแบบตัวเรือนเยลโลว์โกลด์ สายหนังจระเข้สีน้ำตาลอมเขียว ปุ่มไขลานประดับแซฟไฟร์คาร์โบชงสีน้ำเงิน หรือตัวเรือนแพลตตินัม สายหนังจระเข้สีแดงเบอร์กันดีสลับเทา เม็ดมะยมฝังทับทิมคาร์โบชง หรือแบบสุดท้ายที่ผลิตเพียง 20 เรือน มาพร้อมตัวเรือนฝังเพชรทรงกลมเหลี่ยมเกสร สายหนังจระเข้สีฟ้าอมน้ำเงิน เม็ดมะยมฝังเพชรเหลี่ยมเกสร

2/6

TANK AMÉRICANE

อีกหนึ่งรุ่นในคอลเล็กชั่น Tank ที่คลาสสิกตลอดกาลอย่าง Tank Américane ซึ่งเปิดตัวเป็นครั้งแรกเมื่อปีค.ศ. 1989 อันได้แรงบันดาลใจในการดีไซน์ตัวเรือนโค้งมนมาจาก Tank Cintrée โดยมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอยู่ที่การเป็นนาฬิการุ่นแรกที่สามารถปรับความยาวสายรัดข้อมือได้

ในปี 2023 นี้ เมซงได้เน้นย้ำดีไซน์ต้นฉบับและรูปทรงโค้งมนให้เด่นชัดยิ่งขึ้น ด้วยการสลักเส้นสายละเมียดละไมดูปราดเปรียว พร้อมบูรณาการกรอบข้างตัวเรือนให้เชื่อมกับสายนาฬิกาอย่างไร้ที่ติ ขณะที่กลไกภายในใช้รุ่น 1899 MC ที่ปรับให้สอดคล้องกับตัวเรือนที่บางลงของ Tank Américane 2023

สำหรับเรือนเวลารุ่นใหม่นี้ มีให้เลือกทั้งแบบตัวเรือนและสายทองคำ (all gold) หรือแบบตัวเรือนสตีลคู่กับสายหนัง ตัวเรือนโรสโกลด์ฝังเพชรคู่กับสายหนัง จนถึงแบบตัวเรือนไวท์โกลด์และโรสโกลด์ฝังเพชร บนสายโลหะที่ขัดเงาทุกด้านเพื่อเพิ่มความเปล่งประกายแวววาว ซึ่งเป็นดีเทลที่ออกแบบมาสำหรับรุ่นนี้โดยเฉพาะ

3/6

SANTOS-DUMONT

นาฬิกาใหม่จาก Cartier 2023

นาฬิกาใหม่จาก Cartier ประจำปี 2023 เรือนถัดมาที่เราขอหยิบยกมาพูดถึงก็คือ Santos-Dumont โดยคาร์เทียร์ได้ยกระดับรูปทรงเรียบบางอันเป็นซิกเนเจอร์ให้สง่างามและพัฒนาไปอีกขั้น อีกทั้งเมซงยังเลือกใช้กลไกจักรกลอัตโนมัติ 9629 MC แบบสเกเลตันเปิดเปลือยด้านหลังหน้าปัด ซึ่งกลไกนี้ถูกพัฒนาขึ้นเป็นพิเศษเพื่อนาฬิการุ่น Santos-Dumont 2023 โดยเฉพาะ

จุดเริ่มต้นของเรือนเวลา Santos-Dumont ในปีค.ศ. 1904 คือการรังสรรค์ผลงานขึ้นเพื่อคารวะนักบินผู้ยิ่งใหญ่ อัลแบร์โต ซานโตสดูมงต์ และเมื่อนำกลับมาออกแบบอีกครั้ง เมซงได้เก็บความสง่างามและภูมิฐานของต้นฉบับไว้อย่างครบถ้วน ขณะเดียวกันก็หยิบมาตีความใหม่ผ่านตัวเรือนโกลด์และตัวเรือนสตีล อวดสกรูว์บนตัวเรือนพร้อมเม้ดมะยม beaded crown ที่ทำจากคาร์โบชงสีน้ำเงิน

ภายในตัวเรือน Santos-Dumont 2023 บรรจุไว้ด้วยกลไกสเกเลตันที่ทุกรายละเอียดเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ ไม่ว่าจะเป็นจานเหวี่ยง (functional oscillating weight) ขนาดจิ๋วรูปเครื่องบิน Demoiselle ที่ซานโตสดูมงต์ออกแบบไว้ หรือกลไกไมโคร-โรเตอร์อันมีส่วนประกอบทั้งหมดกว่า 212 ชิ้นที่เมซงใช้เวลาพัฒนาเกือบ 2 ปี

สำหรับเรือนเวลา Santos-Dumont รุ่นล่าสุดนี้ สามารถเลือกได้ทั้งแบบตัวเรือนโรสโกลด์และตัวเรือนสตีล รวมถึงยังมีรุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นอย่างตัวเรือนเยลโลว์โกลด์ เคลือบแลคเกอร์สีกรมท่าตลอดทั้งขอบหน้าปัดและตัวเรือนอย่างประณีต

4/6

THE NEW BAIGNOIRE WATCH

นาฬิกาใหม่จาก Cartier 2023

นาฬิกา Baignoire เผยโฉมสู่สายตาโลกเป็นครั้งแรกในปีค.ศ. 1912 และผ่านการปรับเปลี่ยนหลายต่อหลายครั้ง ด้วยดีไซน์การวางซ้อนกันของวงรีสองวง ทำให้รูปทรงแสนเลอค่าเต็มไปด้วยความเป็นไปได้อันไร้ที่สิ้นสุด ในปี 2023 นี้เมซงได้ปรับเปลี่ยนเรือนเวลารุ่นนี้อีกครั้งทั้งในแง่ขนาดและการทำงาน

ลำดับแรกคือการปรับสัดส่วนที่ส่งผลให้ขอบทองเหนือหน้าปัดและตัวเลขโรมันมีขนาดใหญ่กว่าเดิม ทั้งยังนำรูปทรงหน้าปัดมาใช้กับขอบตัวเรือนเพื่อให้เวลาสวมใส่แล้วเรือนเวลาแนบสนิทไปกับข้อมือ ถือเป็นการกำเนิดลูกผสมระหว่างนาฬิกาและจิวเวลรี่อันล้ำค่า

ลำดับถัดมาคือการเพิ่มความเย้ายวนให้คาแรคเตอร์ของนาฬิกาด้วยตัวเรือนโค้งมน ซึ่งนาฬิกา Baignoire รุ่นล่าสุดมีให้เลือกทั้งแบบตัวเรือนโรสโกลด์ เยลโลว์โกลด์ และแบบฝังเพชรทั้งเรือน ซึ่งไม่ว่าดีไซน์ไหนล้วนเชิดชูความเปล่งประกายของแสงอาทิตย์ ความบริสุทธิ์ของเส้นสาย และรายละเอียดที่ล้ำค่าอันเป็นเอกลักษณ์สำคัญของนาฬิการุ่นนี้

5/6

THE CLASH [UN]LIMITED

หากพูดถึงเรือนเวลา Clash [Un]Limited แล้ว คุณลักษณะที่โดดเด่นออกมาก็คือกลไกที่ภูมิฐานและดีไซน์อันงดงาม ทั้งยังเป็นนาฬิกาเครื่องประดับที่มีเอกลักษณ์ด้วยการใช้ หมุดปิโกต์ คลู คาร์เร (clou carrés) และความยืดหยุ่นอันเป็นรหัสของคอลเล็กชั่นเครื่องประดับ Clash de Cartier แทรกซึมตัวตนอยู่ในเรือนเวลาดังกล่าว

อีกหนึ่งคุณลักษณะของนาฬิกา Clash [Un]Limited คือความรู้สึกถึงพลังอันแรงกล้าที่สัมผัสได้ผ่านการปะทะกันของดีไซน์แพรวพราว ไม่ว่าจะเป็นการใช้สีที่ตัดกันมาเน้นย้ำแม่แบบเรขาคณิต อย่างการใช้ทองขัดลายสลับกับทองขัดซาติน หรือการรังสรรค์รูปทรงสายนาฬิกาทุกข้อ ตลอดจนถึงตัวเรือนขนาดมิติที่มาพร้อมกระจกเจียระไน 16 เหลี่ยมที่สร้างเส้นสายโดดเด่นจับตา

สำหรับนาฬิกา Clash [Un]Limited รุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นนั้น ยังคงนำเสนอผ่านธีมเดียวกัน แต่เพิ่มความหลากหลายในรายละเอียดยิ่งขึ้น สามารถเลือกได้ตั้งแต่วัสดุทองเยลโลว์โกลด์ โรสโกลด์ หรือไวท์โกลด์ ตลอดจนถึงการฝังเพชร หรือจับคู่กับอัญมณีดีไซน์โดดเด่นสีขาวดำของออนิกซ์ แบล็กสปิเนล ออบซิเดียน และเพชร หรือแม้แต่โทนสีหลากหลายจากคอรัล แบล็กสปิเนล คริสโซเพรส ซาโวไรต์ และเพชร จึงอาจพูดได้ว่าเรือนเวลานี้ถือเป็นหนึ่งในผลงานจิวเวลรี่วอทช์ที่สร้างสรรค์ที่สุดของเมซงรุ่นหนึ่งก็ไม่ผิดนัก

6/6

LA PANTHÈRE DE CARTIER

นาฬิกาใหม่จาก Cartier ประจำปี 2023 เรือนสุดท้ายก็คือ La Panthère ที่มีสัญลักษณ์ของคาร์เทียร์อย่างเสือแพนเตอร์ประดับอยู่ สร้างเสน่ห์ดุดันให้กับจิวเวลรี่วอทช์รุ่นล่าสุดของเมซง และยังทำให้เรือนเวลาน้องใหม่นี้มีความล้ำค่าและชั้นเชิงด้วยความมีชีวิตชีวาของการออกแบบ

ผลงานการออกแบบเสือแพนเตอร์บนหน้าปัดที่จงใจให้กรามของเสือขบหน้าปัดพอดิบพอดีนั้น ล้วนใช้ความท้าทายและความพิถีพิถันในทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นจมูก แก้ม ดวงตา หรือใบหูแหลมตั้งที่ตั้งใจทำให้เป็นสามมิติ สอดคล้องไปกับสายนาฬิกาที่เชื่อมด้วยบานพับซ่อนอันแนบเนียน ให้ความยืดหยุ่นตลอดเส้น ยามสวมใส่จะแนบสนิทไปกับข้อมืออย่างไร้รอยต่อ โดยมีให้เลือกทั้งแบบตัวเรือนเยลโลว์โกลด์และโรสโกลด์แต้มแลคเกอร์สีดำ ฝังพลอยซาโวไรต์ที่ดวงตา หรือแบบตัวเรือนไวท์โกลด์ฝังเพชรและฝังมรกตที่ดวงตา

Never miss an update

Subscribe to our newsletter to get the latest updates.

No Thanks
You’re all set

Thank you for your subscription.