OMEGA แบรนด์นาฬิกาชื่อดังระดับโลกที่ต้องติดอันดับอยู่ในลิสต์ของคนรักนาฬิกาและนักสะสมเรือนเวลาอย่างแน่นอน ด้วยคุณภาพของตัวเรือน การประดิษฐ์สุดล้ำสมัย นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ไม่เคยหยุดพัฒนา ไปจนถึงชิ้นส่วนเล็กๆ อย่างวัสดุล้ำค่าที่นำมารังสรรค์ล้วนได้รับความพิถีพิถันและใส่ใจมาแล้วทั้งสิ้น วันนี้เราจึงจะพาทุกคนไปทำความรู้จัก OMEGA กันตั้งแต่วัสดุที่เลือกใช้ จนถึงขั้นตอนการรังสรรค์ด้วยเทคนิคล้ำสมัย ที่จะทำให้คุณหลงรักแบรนด์นาฬิกานี้มากกว่าเดิม
คัดสรรวัสดุที่แสดงถึงตัวตนของ OMEGA
หัวใจหลักของการออกแบบเรือนเวลาสำหรับ OMEGA ไม่ใช่แค่ความสวยงามของตัวเรือนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการใช้งานจริงและอายุการใช้งานที่ยาวนาน ทำให้ต้องใส่ใจกันตั้งแต่วัสดุที่นำมารังสรรค์ รวมถึงพัฒนาวัสดุเหล่านั้นให้แสดงถึงเอกลักษณ์และตัวตนของแบรนด์ ตั้งแต่เฉดสี ความสุกสกาว ความแข็งแรงทนทาน ไปจนถึงคุณสมบัติต้านทานสนามแม่เหล็ก ซึ่งวันนี้เราจะพาไปเจาะลึกถึง 5 วัสดุหลักที่ OMEGA นำมาประดิษฐ์เรือนเวลากัน
โลหะที่ทนทานต่อแรงขีดข่วนและการสึกกร่อน
โลหะ เป็นวัสดุที่ OMEGA นำมาใช้รังสรรค์นาฬิกาหลายส่วนด้วยกัน อาทิ ตัวเรือน , สายนาฬิกา , หัวสาย , บานพับ หรือชิ้นส่วนของกลไก ทำให้มีโลหะหลากหลายประเภทที่ต้องคัดสรรมาเลือกใช้ ในการผลิตชิ้นส่วนภายนอกของนาฬิกา โลหะที่เราจะพบเห็นได้บ่อยที่สุดคือ ‘สแตนเลสสตีล เกรด 316L’ เนื่องจากมีความทนทานต่อการกัดกร่อนและให้ความสุกสกาวหลังได้รับการขัดแต่ง


อีกหนึ่งประเภทที่จะพบเห็นตามภายนอกของเรือนเวลาคือ ‘ไทเทเนียม’ ซึ่งคุณสมบัติเหมาะสมไม่แพ้สแตนเลสสตีล ทว่ามีราคาที่สูงกว่า และมีหลายเกรด อย่างเช่น เกรด 2 จะให้สีเทาทึบ เหมาะแก่การขัดด้าน นำมาใช้กับเรือนเวลาที่ไม่ประสงค์แสงสะท้อน อย่างเช่นในโลกแห่งกีฬาและการสำรวจอวกาศ ส่วน ‘แทนทาลัม’ ให้สีน้ำเงินอมเทาสะท้อนแสง หายากยิ่งกว่าทองคำ และแข็งยิ่งกว่าเหล็ก ด้วยคุณสมบัติอันโดดเด่นนี้ทำให้ OMEGA มักใช้แทนทาลัมในการผลิตชิ้นส่วนที่ต้องการความสวยงามเช่นขอบตัวเรือนและข้อสายนาฬิกา
‘แพลตินัม 950’ เองก็หายากไม่แพ้กัน วัสดุสุดหรูหรานี้จึงมีภาพลักษณ์ที่พิเศษและสะท้อนความร่ำรวย จึงมักถูกนำมาใช้รังสรรค์เรือนเวลาระดับสูง และสุดท้ายกับ ‘Liquidmetal™’ วัสดุที่ OMEGA รังสรรค์ขึ้นจากการจับคู่เซรามิกเข้ากับอัลลอยด์ เกิดเป็นวัสดุที่สามารถต้านทานรอยขีดข่วนได้ดีกว่าเดิม ทั้งยังโดดเด่นและสามารถถูกขัดแต่งได้อย่างลงตัว
ทองคำอันล้ำค่าสะท้อนถึงความทุ่มเทในการผลิตเรือนเวลา
อัลลอยด์หลากหลายแบบของแบรนด์แสดงถึงนวัตกรรมที่จะมอบประสบการณ์ให้กับผู้สวมใส่ที่ต่างกัน ด้วยคุณสมบัติชั้นยอดของวัสดุนี้ ทำให้เรามักพบในการผลิตตัวเรือน สายนาฬิกา ชุดเข็ม สิ่งประดับ และชิ้นส่วนกลไก ประเภทแรกที่นับเป็นหนึ่งในยอดทองคำก็คือ ‘ทอง Sedna™’ ให้สีสันงดงามแบบโรสโกลด์ และยังทนทานไม่ซีดจางตามกาลเวลา ขณะที่ ‘Canopus Gold™’ ซึ่งเป็นไวท์โกลด์แฝงความหรูหราไว้ในทุกอณู โดดเด่นด้วยความแวววาว ความขาว เป็นวัสดุที่สมบูรณ์แบบที่สุดในการนำมาประดิษฐ์เครื่องบอกเวลาชั้นสูงหรือนาฬิกาประดับเพชร

‘ทอง Moonshine™’ ให้สีสันตรงตามชื่ออย่างแสงจันทร์ นั่นก็คือเยลโลว์โกลด์ แต่ความพิเศษของทองคำ OMEGA ชนิดนี้คือจะสีที่อ่อนกว่าเยลโลว์โกลด์ทั่วไปและมีความทนทานต่อการซีดจางมากกว่า ประเภทสุดท้ายก็คือ ‘ทองบรอนซ์’ ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อมอบเฉดสีชมพูอ่อนสะกดสายตา สามารถสัมผัสกับร่างกายได้โดยตรง และไม่เกิดออกซิเดชันเป็นคราบเขียวน้ำเงิน นับเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ผู้หลงใหลในวัสดุนำสมัยไม่ควรพลาดทีเดียว
เซรามิกกับความเชี่ยวชาญพิเศษของแบรนด์
อโลหะอย่าง ‘เซรามิก’ ที่เอื้อให้ OMEGA สามารถผลิตชิ้นส่วนนาฬิกาที่มีความหนาแน่นสูงและมีคุณสมบัติเชิงกลเหนือระดับ นอกจากจะไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้แล้วยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย โดยขั้นตอนการรังสรรค์ตัวเรือนเซรามิก จะต้องเริ่มตั้งแต่การอัดผงเซรามิกเซอร์โคเนียมดิบให้ขึ้นเป็นทรงตัวเรือน ก่อนจะผ่านกระบวนการเผาซินเตอร์ที่ให้ความร้อนสูงถึง 1,400 องศาเซลเซียส ก่อให้เกิดความแข็งและทนทาน หลังจากนั้นจึงจะนำไปขัดแต่งด้วยเครื่องจักรหัวเพชร และปิดท้ายด้วยการนำเข้าเตาพลาสมาอีกครั้งเพื่อให้ได้สีสันตามต้องการ
เผยโฉมการทำงานของเรือนเวลาด้วยกระจกคริสตัล

ตัวกระจกใสที่ช่วยทั้งปกป้องและเติมเต็มการทำงานของนาฬิกาของ OMEGA นั้น ได้รับการรังสรรค์อย่างประณีตขึ้นมาเป็น ‘คริสตัลแซฟไฟร์’ ซึ่งจะต้องผ่านกระบวนการผลิต Verneuil หรือที่เรียกว่า กระบวนการหลอมเหลวโดยเปลวไฟ ซึ่งต้องใช้ไฟออกซีไฮโดรเจนและรอให้ตกผลึกทีละหยดจนเกิดเป็นแซฟไฟร์ที่มีความแข็งสูง ทนทานต่อรอยขีดข่วน และไร้มลทินบดบังการมองเห็นของกระจก
ความงามของธรรมชาติที่เติมเต็มนาฬิกาให้สมบูรณ์
OMEGA ได้นำวัสดุจากธรรมชาติมาประดับตกแต่งเพื่อเติมเต็มความงามของเรือนเวลาให้สมบูรณ์แบบ อาทิ ‘เพชร’ หรือที่หลายคนรู้จักกันว่าเป็นวัสดุที่มีความแข็งที่สุดในโลก ซึ่งแบรนด์ได้เลือกใช้เพชร ‘Top Wesselton’ ที่มีความสะอาดตั้งแต่ pure ไปจนถึง VVS (Very Very Small inclusions) ก่อนนำมาคัดสรรกะรัตให้เหมาะสมกับการประดับ อีกทั้งการเจียระไนยังเป็นไปอย่างพิถีพิถันเพื่อให้ได้เพชรที่มีประกายและความแวววาวสูงสุด

อีกหนึ่งวัสดุที่มอบแสงสะท้อนได้ราวกับสายรุ้ง นั่นก็คือ ‘เปลือกหอยมุก’ หรือ ‘nacre’ ที่ OMEGA มักใช้ประดับหน้าปัดในคอลเลกชั่นเรือนเวลาสำหรับสุภาพสตรี ด้วยเอกลักษณ์ของสีสันที่จะแตกต่างไปตามมุมของสายตาผู้มอง ทำให้ความวิจิตรบรรจงของเรือนเวลาถูกขับเน้นเป็นเอกลักษณ์อย่างที่สุด

ปิดท้ายกันด้วย ‘อุกกาบาต’ วัสดุที่มีต้นกำเนิดจากนอกโลก จึงทำให้เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกับ OMEGA ซึ่งมีความผูกพันกับอวกาศเป็นอย่างยิ่ง ด้วยโครงสร้างแบบวิดมันชทาเทน ทำให้เมื่อนำวัสดุนี้ไปผ่านกระบวนการพิเศษจะเผยลวดลายแนวเส้นตัดกันอย่างงดงาม อย่างไรก็ตามวัสดุชนิดนี้ไม่เหมาะสำหรับนาฬิกาที่มีความเที่ยงตรงระดับ Master Chronometer ทำให้ OMEGA เลือกใช้หินอุกกาบาตดวงจันทร์ที่มีลวดลายพิเศษแทน
Courtesy of OMEGA