เมื่อพูดถึงเรื่องของ ‘การลงทุน’ เพื่อให้ได้ผลกำไรแล้วนั้น ในยุคก่อนเราอาจจะนึกถึงแค่เรื่องของ อสังหาฯ, ที่ดิน, สินทรัพย์ต่างๆ แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนแปลงไปเหล่านักลงทุนทั้งหลายที่มีวิสัยทัศน์เริ่มหันมามองในส่วนของเครื่องประดับ รองเท้า และกระเป๋า นั่นรวมไปถึง ‘นาฬิกา’ อีกด้วยล่ะค่ะ และวันนี้ HELLO! มีโอกาสได้พูดคุยกับ พ.ญ.ณัฐฐามณี สิริภคพันธ์ หรือ ‘หมอรวงข้าว’ ผู้ก่อตั้งและผู้เชี่ยวชาญด้านการทำตาสองชั้นจาก Lovely Eye & Skin Clinic ถึงของสะสมที่มีคุณค่า จะเป็นของชิ้นไหนนั้นตามมาดูกันเลยค่ะ

เรือนเวลาที่ไม่ได้มีคุณค่าแค่เพื่อบอกเวลา
ในมุมมองของผู้หญิงส่วนใหญ่อาจเป็นแค่เครื่องประดับชิ้นหนึ่งที่เป็นตัวเลือกรองจากเครื่องประดับอื่นๆ เช่น สร้อยคอ หรือกำไล แต่นาฬิกาในมุมมองของคุณหมอรวงข้าว คือ เครื่องประดับอันดับหนึ่งที่เธอจะเลือกสวมใส่ด้วยความรู้สึกที่พิเศษ เนื่องจากเธอได้ค้นพบว่า นาฬิกา ไม่เพียงแต่ทำหน้าที่เป็นเครื่องประดับที่ชุบชูข้อมือให้มีความสวยงามโดดเด่น แต่ยังช่วยเสริมสร้างบุคลิก สะท้อนความน่าเชื่อถือให้กับผู้สวมใส่ ที่สำคัญยังเป็นเครื่องประดับที่สามารถรักษามูลค่า หรือสร้างมูลค่าเพิ่มได้ด้วยตัวเอง แม้ว่าวันเวลาจะผ่านไปสักเท่าใด และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ทำให้คุณหมอรวงข้าวเลือกที่จะซื้อนาฬิกา ในฐานะเครื่องประดับที่เป็นของสะสมแสนล้ำค่า
เลือกสิ่งที่ดีที่สุด
นอกจากกระเป๋าที่เป็นของสะสมสุดโปรดของคุณหมอแล้ว ‘นาฬิกา’ ยังเป็นหนึ่งในของสะสมที่คุณหมอคนนี้รู้สึกชื่นชอบไม่แพ้กัน การสะสมนาฬิกาของคุณหมอรวงข้าว มีจุดเริ่มต้นมาจากความรู้สึกพึงพอใจในฐานะเครื่องประดับที่ช่วยเสริมบุคลิก และมีความพิเศษมากกว่าเครื่องประดับทั่วไป เพราะนอกจากจะนำมาสวมใส่ให้สวยงามดูดี ยังสามารถใช้งานในแง่ของฟังก์ชั่นการบอกเวลา และสะท้อนบุคลิกตัวตนของผู้สวมใส่ได้อีกด้วย
“ความชอบเกี่ยวกับนาฬิกาในมุมมองผู้หญิงอาจเป็นฟีลคนละแบบกับผู้ชาย คือผู้ชายอาจชอบในมุมของความเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ประกอบด้วยงานวิศวกรรมจักรกลหรืองานฟินิชชิ่งอะไรต่างๆ แต่จุดเริ่มต้นของหมออยู่ที่เราเป็นคนชอบแต่งตัว แล้วนาฬิกาก็เป็นเครื่องประดับชิ้นหนึ่งที่ชอบ พอใส่แล้วรู้สึกว่ามันได้ช่วยเสริมสร้างบุคลิก ทำให้การแต่งตัวของเราออกมาดูดีและสมบูรณ์แบบ ยิ่งถ้าเราใส่นาฬิกาแบรนด์ดีๆ ก็เหมือนกับเป็นการเพิ่มความน่าเชื่อถือ และบ่งบอกรสนิยมของตัวเอง ดังนั้นในการเลือกนาฬิกาของหมอ ก็ต้องพยายามหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง ซึ่งดีในที่นี้ก็คือนาฬิกาที่เราชอบ มีลุคที่ดูเหมาะกับสไตล์การแต่งตัวในแต่ละแบบของเรา และต้องเป็นแบรนด์ที่ดี เป็นที่ยอมรับของผู้คน และมีมูลค่าอยู่ในตัวเอง

ขอบตัวเรือนประดับเพชรทรงเหลี่ยมแบบ ‘Baguette Cut’ หน้าปัดเปลือกหอยมุกย้อมเป็นสีฟ้าสลักลายตารางแบบลูกโลก
“ถ้าเทียบกับเครื่องประดับอื่นๆ นาฬิกามีข้อได้เปรียบตรงที่มีฟังก์ชั่นบอกเวลา บอกวันที่ และฟังก์ชั่นอื่นๆ ที่สามารถใช้ประโยชน์ได้ แตกต่างจากเครื่องประดับอย่างพวกสร้อยหรือกำไลที่ใส่เพื่อความสวยงาม แต่ทำอะไรไม่ได้มากกว่านั้น แล้วสิ่งที่ทำให้ฟังก์ชั่นเหล่านั้นทำงานก็คือจักรกลที่อยู่ภายใน ซึ่งเป็นงานวิศวกรรมที่ถูกคิดค้นขึ้นมาหลายร้อยปี แต่ก็ยังถูกนำมาใช้งานและมีมูลค่าอยู่ในโลกปัจจุบัน นั่นคือสิ่งที่ทำให้ยิ่งรู้สึกว่านาฬิกาคือเครื่องประดับที่มีความพิเศษกว่าเครื่องประดับอื่นๆ พอได้รับรู้ถึงความประทับใจเหล่านั้น ก็ทำให้รู้สึกว่าของสิ่งนี้ควรค่าแก่การสะสม และหมอก็ได้เริ่มต้นสะสมมาตั้งแต่ประมาณ 10 ปีที่แล้ว ซึ่งการเลือกสะสมนาฬิกาของหมอ อย่างที่บอกในตอนแรก เราต้องหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง นั่นคือดีไซน์ภายนอกต้องดูดี เหมาะกับสไตล์การแต่งตัวของเรา ฟังก์ชั่นการทำงานต่างๆ ต้องดี มีคุณภาพ แบรนด์ต้องดี มีประวัติศาสตร์ เป็นที่ยอมรับของผู้คน

Patek Philippe Aquanaut Luce Haute Joaillerie ที่สุดแห่งความทรงจำอันน่าประทับใจ
เพราะเป็นเรือนที่สามีซื้อให้เป็นของขวัญในวันครบรอบแต่งงาน 7 ปี
และจากโจทย์นั้นก็ทำให้หมอรู้สึกว่า Patek Philippe นี่แหละ น่าจะเป็นนาฬิกาที่ ‘ใช่’ กับตัวเองมากที่สุด เพราะสามารถตอบโจทย์เราได้ครบทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการที่มีประวัติความเป็นมาเกือบ 200 ปี ได้รับการยกย่องให้เป็นแบรนด์อันดับต้นๆ ของโลกมาต่อเนื่องยาวนาน สร้างความนิยมไปทั่วโลก ดีไซน์มีให้เลือกหลายลุค หลายแบบ และสามารถสะสมได้โดยที่มูลค่าของนาฬิกาไม่หายไป เหตุนี้หมอจึงมี Patek Philippe เยอะกว่าแบรนด์อื่นๆ”
ของสะสมของ ‘หมอรวงข้าว’ ต้องไม่ธรรมดา
เมื่อพิจารณาคอลเลกชั่นของคุณหมอรวงข้าว อาจแปลกใจว่านาฬิกาส่วนใหญ่เป็นนาฬิกาจักรกลที่มีฟังก์ชั่นแบบคอมพลิเคตหรือซับซ้อน ซึ่งดูแตกต่างจากคอลเลกชั่นนาฬิกาผู้หญิงทั่วไปที่ส่วนใหญ่มักโฟกัสเรือนเวลาที่มีสไตล์เป็นแฟชั่น หรือมีลุคที่หรูหรา นั่นเป็นเพราะว่าคุณหมอรวงข้าว เธอไม่ชอบอะไรที่ดูธรรมดาเกินไปนั่นเอง ดังนั้นนาฬิกาในกรุสะสมของหมอสาวคนนี้ แต่ละเรือนจึงเป็นอะไรที่ดูแล้วเอ็กซ์คลูซีฟสุดๆ

ที่บรรจุโมดูลโครโนกราฟ ตัวเรือนทรงหมอน หน้าปัดสีโอปาลีน ทำงานกลไกไขลานโครโนกราฟ
“ส่วนตัวแล้วเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบอะไรที่ดูเบสิกธรรมดาเกินไป อยากให้มีอะไรที่พิเศษ หรือมีกิมมิกลูกเล่นที่แตกต่างจากปกติทั่วไป ซึ่งพอได้มาเห็นนาฬิกาประเภทคอมพลิเคตก็รู้สึกชอบทันที เพราะดูแปลก มีอะไรมากกว่าที่จะเป็นแค่นาฬิกาบอกเวลา 3 เข็มธรรมดา ต้องบอกว่าหมอเริ่มซื้อนาฬิกาประเภทคอมพลิเคตมาตั้งแต่ตอนเริ่มสะสมใหม่ๆ เลยนะ ไม่ได้เพิ่งมาซื้อในช่วงหลัง อย่างเรือนแรกที่ซื้อเป็น Patek Philippe Ladies First Chronograph Ref.7071R ซึ่งเป็นนาฬิกาจักรกลของผู้หญิงรุ่นแรกที่มีฟังก์ชั่นจับเวลา เพราะก่อนหน้านี้ Patek Philippe จะผลิตนาฬิกาจักรกลที่มีฟังก์ชั่นจับเวลาเฉพาะรุ่นผู้ชายเท่านั้น รวมถึงดีไซน์เป็นอะไรที่แบบเห็นปุ๊บ ชอบทันที โดยเฉพาะตัวเรือนที่เป็นทรงเหลี่ยม ดูแล้วรู้สึกได้ถึงอารมณ์วินเทจ คลาสสิก มีฟังก์ชั่นจับเวลาที่เป็นหน้าปัดย่อยวงรีเล็กๆ ทำให้ไม่ดูโล่งเกินไป แล้วก็ประดับเพชรดูหรูหราสง่างาม เรียกว่าครบทุกอย่างที่อยากให้มี ก็เลยเป็นนาฬิกาเรือนแรกที่ตั้งใจซื้อมาสะสม
“เรือนต่อมาก็ไม่ธรรมดาอีกเช่นกันเป็น Patek Philippe World Time Ref.7130R อันนี้เรียกว่าหน้าตาฉีกจากรุ่นอื่นๆ ไปเลย ก็เป็นนาฬิกาคอมพลิเคตที่สามารถบอกเวลาได้ทั่วโลกพร้อมกัน คือชอบในความแปลก และความคิดสร้างสรรค์ของเขา

Patek Philippe World Time Ref.7130R แสดงเวลาได้ 24 ไทม์โซนทั่วโลก ผ่านชื่อเมืองสำคัญจาก 24 โซนเวลา
มูลค่าที่จับต้องได้
แต่ใช่ว่าคุณหมอรวงข้าวจะเน้นการสะสมไปที่นาฬิกาคอมพลิเคชั่นอย่างเดียวเสียหมด นาฬิการุ่นที่เป็นกระแสที่นิยมในหมู่นักสะสม ก็อยู่ในความสนใจของเธอด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะในระยะหลังที่เริ่มมีกระแสการซื้อนาฬิกาเพื่อการลงทุนเข้ามา
“ช่วงหลังก็มาดูรุ่นที่คนส่วนใหญ่นิยมสะสมบ้างเหมือนกัน อย่างเช่น Nautilus Ref.5712 เรือนนี้ก็เป็นตัวเรือนสเตนเลสสตีล ซึ่งตรงนี้มีความประทับใจอยู่อย่างหนึ่งคือแม้ว่า Patek Philippe จะทำนาฬิกาออกมาด้วยวัสดุแค่สเตนเลสสตีล แต่ก็สามารถเพิ่มมูลค่าได้ แถมบางรุ่นราคาแพงกว่าทองอีก ตรงนี้ก็เป็นสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกแปลกใจไม่น้อย อีกอย่างหนึ่งคือเป็นรุ่นยอดนิยมที่นักสะสมตามหากัน ด้วยความที่เป็นที่ต้องการของตลาด ทำให้ราคาตอนนี้อัพขึ้นไปสูงมากเลยทีเดียว แต่ถ้าถามว่าอยากขายหรือเปล่า ยังไม่มีความคิดตรงนี้อยู่เลยไม่ว่ากับเรือนไหน คือยังรู้สึกชอบอยู่ทุกเรือน ถ้าขาดเรือนใดเรือนหนึ่งไปคงรู้สึกแปลกๆ อยากใส่เรือนนี้ แต่อ้าว ไม่อยู่แล้ว คงมีแต่ความคิดที่จะหาเพิ่มมากกว่า”

สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้หลายเท่าตัว ตัวเรือนสร้างสรรค์จากสเตนเลสสตีลขนาด 40.0 มม. พื้นหน้าปัดสีน้ำเงินเหลื่อม แต่งลายขวาง
คุณค่าที่คู่ควร
หากต้องการที่จะสะสมนาฬิกาอย่างมีคุณค่า สิ่งจำเป็นคือต้องรู้ถึงคุณค่าของนาฬิกาแต่ละเรือนนั้นด้วย ดังเช่นที่คุณหมอรวงข้าวได้รับรู้ถึงคุณค่าของ Patek Philippe ที่มีมากกว่าการเป็นแค่เครื่องบอกเวลาหรือเครื่องประดับเพียงชิ้นหนึ่ง แต่ยังสามารถเป็นทรัพย์สินที่มีค่าและสามารถส่งมอบให้กับลูกหลานต่อไปได้

ที่แพงที่สุดในคอลเลกชั่นของคุณหมอ ด้วยสนนราคาสูงถึง 11 ล้านบาท
“ที่พูดมาทั้งหมดไม่ใช่เฉพาะแค่ Patek Philippe เท่านั้นนะ คือไม่ว่าจะเป็นแบรนด์อะไร ถ้ากระบวนการผลิตมีความประณีต ใช้ทักษะด้านงานฝีมือในการทำ หรือเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ ก็สามารถเรียกนาฬิกาเรือนนั้นว่าเป็นงานศิลปะที่มีคุณค่าได้ด้วยเช่นกัน อย่าง Van Cleef & Arpels ที่ซื้อมาล่าสุดเรือนนี้ ก็เรียกได้ว่าเป็นชิ้นงานศิลปะที่มีคุณค่าอีกชิ้นหนึ่งของหมอ คือ แบรนด์นี้มีมอตโต้อยู่อย่างหนึ่งว่า ‘Poetry of Time’ หมายความว่าแต่ละชิ้นงานของเขาจะแฝงด้วยเรื่องราวที่มีความหมาย เช่นเรือนนี้ความหมายคือเวลาที่แอบซ่อนอยู่ในธรรมชาติ หน้าปัดเขาจะมีการวางเลย์เอาต์แบบสามมิติ เป็นกิ่งไม้ใบหญ้า มีผีเสื้อเกาะ และมีเวลาแอบซ่อนอยู่เบื้องหลัง แล้วทุกชิ้นส่วนต้องใช้ความประณีตและทักษะที่สูงมากในการทำ ทั้งงานเคลือบอีนาเมล งานประดับเพชร งาน ‘Automaton’ ที่ทำให้ผีเสื้อสามารถขยับปีกได้อย่างน่ามหัศจรรย์ ซึ่งเทคนิคต่างๆ ที่นำมาใช้กับนาฬิกาเรือนนี้ เรียกได้ว่าเป็นเทคนิคระดับสูงที่สร้างคุณค่าให้นาฬิกาเรือนนี้ อยู่เหนือกว่าคำว่าการเป็นเครื่องบอกเวลาไปแล้ว และยิ่งได้ทราบว่าเรือนของหมอเป็นเรือนแรกในประเทศไทยก็ยิ่งรู้สึกถึงความทรงคุณค่า”
ผลลัพธ์คือความสุข
แม้นาฬิกาแต่ละเรือนจะมีมูลค่าราคาที่ค่อนข้างสูง แต่คุณหมอรวงข้าวมองว่านี่คือการลงทุนไปกับของสะสมที่คุ้มค่า เพราะนาฬิกาแต่ละเรือนที่เธอได้มา ล้วนสร้างความสุข สร้างความทรงจำที่ดีให้กับเธอมาตลอดระยะเวลา 10 กว่าปีของการสะสม อีกทั้งนาฬิกาเหล่านี้ยังสามารถที่จะคงมูลค่าเอาไว้ เป็นสินทรัพย์เพื่อส่งมอบให้กับรุ่นต่อไป และจะกลายเป็นความทรงจำที่มอบให้กันจากรุ่นสู่รุ่น ดังนั้น การลงทุนไปกับความชอบของคุณหมอรวงข้าวจึงเต็มไปด้วยผลกำไรอันแสนคุ้มค่า

“ที่มีสะสมอยู่ตอนนี้ก็ประมาณ 10 กว่าเรือน คือจริงๆ ไม่รู้ตัวเลยนะ อยู่ดีๆ เอามานับ อ้าว มี 10 เรือนแล้วเหรอ ถ้าจะนับเป็นมูลค่าก็มากโขอยู่นะ แต่โดยส่วนตัวคิดว่าการลงทุนไปกับความชอบของตัวเอง เป็นอะไรที่คุ้มค่าเสมอ เพราะเป็นเรื่องของความสุขส่วนตัว มันไม่ใช่เรื่องผิดอะไรถ้าจะแสวงหาความสุขให้กับตัวเองโดยที่ไม่ทำให้ตัวเราเดือดร้อน เราซื้อนาฬิกาเพราะชอบ นั่นคือเราได้กำไรแล้วจากความสุข แล้วยังได้กำไรจากการที่เราสามารถเก็บเป็นสินทรัพย์ส่งต่อให้กับลูกหลานได้ แต่ถ้าเราไม่ได้เป็นคนที่ชอบนาฬิกา แล้วให้มาซื้อสะสมเยอะๆ แบบนี้ ก็ถือว่าเป็นการลงทุนโดยที่ไม่เกิดประโยชน์ต่อตัวเอง เราอาจจะได้ประโยชน์ด้านมูลค่าในฐานะ ‘Luxury Investment’ แต่ก็จะไม่ได้ความสุขจากสิ่งของเหล่านี้เลย”
ติดตามบทสัมภาษณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ และเรือนเวลาหรูของ ‘คุณหมอรวงข้าว – พญ.ณัฐฐามณี สิริภคพันธ์’
ได้ใน นิตยสาร HELLO! ‘ฉบับเดือนธันวาคม 2564′ วางแผงแล้ววันนี้
ติดต่อสั่งซื้อโทร 0 2676 8999 ต่อ 217 หรือ 084 079 5678
สั่งซื้อออนไลน์ที่ shop.burdathailand.com หรือ Line ID: @hellomagazineth